ระทึกกลางเมืองสุราษฎร์ฯ ยิงสกัดรถคนร้ายพุ่งเข้ารพ.

ระทึกกลางเมืองสุราษฎร์ฯ ยิงสกัดรถคนร้ายพุ่งเข้ารพ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (28 ก.ย.) คลิปวีดีโอของประชาชนรายหนึ่งในพื้นที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ที่บันทึกไว้ได้ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามยิงสกัดรถยนต์กระบะของคนร้ายรายหนึ่งที่ก่อเหตุ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปั๊มน้ำมันเพื่อหลบหนี จนเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามยิงสกัดเพื่อไม่ให้คนร้ายขับรถไปยังแหล่งชุมชนอื่นๆที่มีประชาชนมากกว่าที่ รพ.สุราษฎร์ฯ

โชคยังดีที่ยังมีคนน้อยในช่วง 6 โมงเช้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถยิงสกัดจนรถคนร้ายชนฟุธบาตไปต่อไม่ได้ รวมระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวส่ง รพ.สุราษฎร์ฯ รักษาแผลบาดเจ็บที่หน้าอกด้านขวา และควบคุมตัวดำเนินคดี

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณสี่แยกถนนหน้าเมือง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 28 ก.ย. 60 หลังมีเหตุคนร้าย ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วหลบหนี ก่อนเจ้าหน้าที่จะยิงสกัดและควบคุมตัวไว้ได้

โดยในที่เกิดเหตุพบ รถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน ผจ 3351 สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นของคนร้าย ชนอยู่กับฟุตปาธบริเวณหน้าร้านทองก้องไพศาล ซึ่งเป็นยานชุมชนกลางเมือง มีร่องรอยกระสุนของเจ้าหน้าที่ที่ยิงสกัดเพื่อจับกุมตัว ส่วนคนร้ายได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ได้นำส่ง รพ.สุราษฎร์ฯ พร้อมอาญัติตัวดำเนินคดี

ทางด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ที่รวมตรวจสอบ กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 06.30 น. ที่ผ่านมาเจ้าหน้า191 รับแจ้งจากเด็กปั๊มน้ำมัน ปตท.(ในบาง) ซึ่งห่างจากจุดที่คนร้ายถูกควบคุมตัวไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร ว่ามีชายอายุประมาณ 35 ปีใช้อาวุธปืนเข้ามาข่มขู่ภายในปั๊ม จึงรีบตรวจสอบ เมื่อไปถึงคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่เจ้าหน้าที่ แล้วขับรถหลบหนีออกมาทางเส้นทางหน้า รพ.สุราษฎร์ธานี

จึงได้ประสานชุดไล่ล่า ขับติดตามรถคนร้าย ที่ขับผ่าน รพ.ไปกลับรถเลี้ยวเข้า รพ.สุราษฎร์ฯ ออกจาก รพ.สุราษฎร์ฯย้อนกลับทางเดิม มุ่งหน้าเข้าตลาด ที่เป็นทางวันเวย์ ก่อนจะจนหมุนรถชนฟุธบาตไปต่อไม่ได้ จึงได้เข้าควบคุมคนร้ายเป็นชาย 1 รายมีลายสักทั้งตัว ยังไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 35 ปี มีบาดแผลที่หน้าอกขวา 1 แห่ง เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่ง รพ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือ ส่วนสาเหตุต้องรอการสอบสวน ต่อไป​

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook