โทษนักการเมืองไร้อายุความ “ยิ่งลักษณ์” ต้องหนีตลอดชีวิต?

การตัดสินจำคุก “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” 5 ปี ยังมีข้อถกเถียงว่า “นับอายุความ” หรือไม่ หลัง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่ามีอายุความ 10 ปี ขณะที่ นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายคดีโครงการจำข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นแย้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโต้แย้งข้อกฎหมาย “การนับอายุความ” คำพิพากษาจำคุกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 5 ปี โดยนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 3 จะไม่มีการนับอายุความ เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาโทษสูงสุดตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยับยั้งทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว 

และยังระบุว่าคดีของ ป.ป.ช. ที่ศาลฎีกาพิพากษาแล้ว หากจำเลยหลบหนี จะไม่นับอายุความ ซึ่งเป็นการโต้แย้งข้อกฎหมาย ที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยให้ความเห็นว่า คดีมีอายุความ 10 ปี ตามกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับเดิม

ทั้งนี้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2542 มาตรา 74/1 ระบุไว้ชัดว่า ในบรรดาคดีของ ป.ป.ช. ที่ส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยถึงที่สุด แต่จำเลยหลบหนี ไม่ให้นำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 98 ที่ใช้นับอายุความในคดีอาญาทั่วไปมาใช้บังคับ ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องหลบหนีคำพิพากษานี้ไปตลอดชีวิต ต่างจากฎหมายเดิมที่กำหนดอายุความสำหรับโทษจำคุกหนึ่งปีไม่เกินเจ็ดปี มีอายุความ 10 ปี

ขณะที่ล่าสุดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  2560 ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วและมีผลบังคับใช้วันพรุ่งนี้ สาระสำคัญที่มาตรา 25 ที่สอดคล้องกับกฎหมาย ป.ป.ช. คือ ไม่มีการนับอายุความคดีที่ศาลพิพากษาไปแล้ว รวมถึงการให้โอกาส จำเลย ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วัน แต่จำเลยต้องมาแสดงตัวยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเท่านั้น