ผบ.ทบ.ลั่นศึกษา แผนตากสิน กลุ่มเสื้อแดงโค่นรบ.-กองทัพ!

ผบ.ทบ.ลั่นศึกษา แผนตากสิน กลุ่มเสื้อแดงโค่นรบ.-กองทัพ!

ผบ.ทบ.ลั่นศึกษา แผนตากสิน กลุ่มเสื้อแดงโค่นรบ.-กองทัพ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบ.ทบ.เผยกำลังเร่งศึกษาแผนตากสินโค่นล้มรัฐบาลและกองทัพ เตือนคิดอะไรกับสังคมระวังกระทบสถาบันหลัก ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ "ณัฐวุฒิ" ยันเร่งชุมนุมใหญ่เป็น 26 มี.ค.ไม่เกี่ยว "มาร์ค" ดวงตก รัฐบาลร่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคมถึงกรณีมีข่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงจะใช้ "แผนตากสิน" ล้มรัฐบาลและกองทัพว่า จะเป็นข้อมูลถูกต้องมากน้อยเพียงใดก็กำลังศึกษาอยู่ อยากบอกสังคมว่า การที่จะคิดอะไรกับสังคมไทยขณะนี้และไปกระทบกับสถาบันหลัก ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นสิ่งที่ดีกับประเทศชาติ เพราะเราเป็นคนไทยต้องเข้าใจช่วยกันประคับประคองให้บ้านเมืองผ่านไปได้ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนเอง

เมื่อถามว่า ความแตกร้าวของคนไทยแคบลงมาแล้วหรือยัง พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตนประเมินจากคนเพียงสองกลุ่มที่ขัดแย้งกัน แต่ไม่ได้ผลนัก ต้องดูจากคนส่วนใหญ่ที่เป็นพลังเงียบ ซึ่งพลังเงียบขณะนี้ทุกคนรู้ดีว่า ทุกคนเบื่อหน่ายสถานการณ์ที่ไม่ได้ช่วยกันฝ่าฟันเศรษฐกิจหรือจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ประชาชนหลายส่วนค่อนข้างจะเบื่อหน่าย เมื่อเขาเบื่อหน่ายในการปลุกปั่นอะไรก็ไม่ได้ผลมากนัก ตนคิดว่าถ้าคนพวกนี้ออกมาช่วยสังคมก็น่าจะดีขึ้น พลังเงียบที่ออกมาจะต้องออกมาช่วยกันในสิ่งที่สร้างสรรค์สังคม เช่น การสมัครสมานสามัคคีไม่มีการขัดแย้งกันในลักษณะที่เกิดสิ่งดีๆ อะไรก็ได้ ที่ไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือใช้อะไรที่ผิดกฎหมายมาทำให้สังคมปั่นป่วน เพราะจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง ดังนั้นต้องทำในสิ่งที่ดีๆ

เมื่อถามว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังควรจะยุติบทบาทเช่นกันใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า น่าจะยุติบทบาทตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ เพราะเป็นการทำร้ายประเทศชาติและคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าใครทั้งสิ้น เมื่อเราอยู่ที่นี่แม้จะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรง

วันเดียวกัน ที่สถานีโทรทัศน์ ดี สเตชั่น ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ลาดพร้าว แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายวีระกล่าวว่า เดิมกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 29 มีนาคม แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป จึงขอร่นการนัดชุมนุมใหญ่มาเป็นวันที่ 26 มีนาคม

"ยอมรับว่ากลุ่มคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทย (พท.) มีเป้าหมายเดียวกันคือไม่เอารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่พรรคเพื่อไทยใช้กระบวนการรัฐสภาขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวในนามภาคประชาชน มั่นใจว่าจะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมเต็ม 2 ฝั่งถนนราชดำเนิน" นายวีระกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงวันดังกล่าว กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เวลา 17.00 น. วันที่ 21 มีนาคม และที่สนามกีฬา 700 ปี จ.เชียงใหม่ ในเวลา 12.00 น. วันที่ 22 มีนาคม

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า สาเหตุที่กลุ่มคนเสื้อแดงร่นวันชุมนุมให้เร็วขึ้น เพราะครบกำหนด 1 เดือนที่นัดหมายกับประชาชนเอาไว้พอดี และรัฐบาลก็ไม่ยอมดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง 4 ข้อ โดยเฉพาะการเร่งสะสางคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ยึดสนามบิน ต่างจากกลุ่มคนเสื้อแดง 4 คน ที่ไปปาไข่ใส่คณะของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขณะลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ถูกตัดสินลงโทษอย่างรวดเร็ว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยืนยันว่าการร่นวันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีมีหมอดูทำนายว่านายอภิสิทธิ์จะดวงตกในช่วงปลายเดือนมีนาคม เพราะคิดว่านายอภิสิทธิ์ดวงตกตั้งแต่ถูกทหารอุ้มมาเป็นนายกฯแล้ว อีกทั้งยังไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่รัฐบาลร่นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีให้เร็วขึ้นด้วย

"เราไม่ได้คาดหวังว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านอภิปรายในสภาจะช่วยเรียกแขกให้ออกมาร่วมชุมนุมมากขึ้น แต่น่าจะมีส่วนทำให้รัฐบาลหมดความน่าเชื่อถือทางการเมือง แต่ไม่ว่าผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและ 5 รัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร เจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงชัดเจนคือไม่เอารัฐบาลชุดนี้ และขอปฏิเสธว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่เคยได้ยินแผนตากสินเพื่อโค่นล้มรัฐบาล อยากท้า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ออกมายอมรับว่ามีแผนดังกล่าวจริงให้เอาหลักฐานข้อมูลออกมา อย่ากล่าวหากันแบบลอยๆ" นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในวันที่ 26 มีนาคม กลุ่มคนเสื้อแดงจะรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่เช้า ก่อนเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเพื่อขับไล่รัฐบาล ดังนั้น หากบุคลากรทางการเมืองเดินทางมาทำเนียบ กลุ่มคนเสื้อแดงจะขับไล่อย่างโจ่งแจ้งทันที แต่ยินดีอำนวยความสะดวกให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานในทำเนียบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ยืนยันว่าจะไม่บุกเข้าทำเนียบ แต่การชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมยืดเยื้อ ส่วนจะใช้เวลากี่วัน ต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน ถ้ามีความจำเป็นอาจเกิดปรากฏการณ์แดงทั้งแผ่นดิน เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะโฟนอินหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยังไม่มีการหารือกัน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิสื่อสารในฐานะคนไทยอย่างเต็มที่

นพ.เหวงกล่าวว่า ในวันที่ 26 มีนาคม จะระดมประชาชนจาก 50 จังหวัด มาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนคน เทียบเคียงได้กับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ขอยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่คิดจะทำสงครามประชาชนตามที่ทหารหรือแกนนำพันธมิตรกล่าวหา แต่คนเสื้อแดง 5 ล้านคน พร้อมปรากฏตัวบนท้องถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ลาออก จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองผ่านวิถีประชาธิปไตย ทั้งนี้ ขอเตือนให้รัฐบาล ทหาร และพันธมิตรเลิกสุมไฟใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่เช่นนั้นระวังไฟจะไหม้ตัวเอง

วันเดียวกัน นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะ ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย เป็นประธานพิธีเปิดสะพานท่าราชไชยศรี ข้ามลำน้ำชี บ้านดอนบม หมู่ 7 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีตำรวจชุดเฉพาะกิจ ภ.จว.ขอนแก่น ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบประมาณ 40 คน มาดูแลรักษาความปลอดภัย รอบบริเวณสะพานท่าราชไชยศรีและในหมู่บ้านดอนบม เพื่อป้องกันคนเสื้อแดงมาชุมนุมขับไล่นายประจักษ์เหมือนทุกครั้งที่มา จ.ขอนแก่น แต่ปรากฏว่าครั้งนี้ไม่มีคนเสื้อแดงมาชุมนุมขับไล่แต่อย่างใด

นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาคดีเกี่ยวกับการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ กล่าวถึงการยื่นฟ้องนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กับพวกคดีทุจริตจัดจ้างเอกชนในโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า คณะทำงานร่วมระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอัยการ เพิ่งรวบรวมข้อไม่สมบูรณ์ในคดีส่งให้กับคณะทำงานของอัยการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะทำงานจะต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะฟ้องบุคคลใด ในความผิดมาตราใดบ้าง และจะส่งให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาอีกครั้งก่อนที่จะยื่นฟ้อง โดยคณะทำงานนัดประชุมพิจารณาคดีนี้ในสัปดาห์หน้า

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook