ปธ.วิปรัฐ การันตี ไม่มีงูเห่าเชื่อพรรคร่วมโหวตหนุน กษิต

กษิต แจงฝ่ายค้าน เคยเป็นเพื่อน ทักษิณ ร่วมอุดมการณ์ทำงานในฐานะที่ปรึกษาในทำเนียบรัฐบาล ระยะหลังเห็นความไม่ชอบมาพากลจึงไม่ร่วมทาง ยันไม่อายที่ร่วมกับพันธมิตร

(20มี.ค.) นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (ประธานวิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลบางส่วน อาจจะไม่โหวตให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ว่า จากการพูดคุยกันล่าสุดในช่วงเย็น ส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องกันว่า จะโหวตไว้วางใจนายกษิต และจะมีมติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า จะมี ส.ส.พรรคร่วมไม่โหวตให้นั้น ขณะนี้ ยังไม่ทราบข่าว แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอฟังการชี้แจงของนายกษิตก่อน โดยในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 21 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมวิปรัฐบาลเพื่อเตรียมความพร้อม และทำความเข้าใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนที่จะมีการประชุมเพื่อลงมติ

"ผมคิดว่า จะไม่มีงูเห่า หรือการโหวตสวนอย่างแน่นอน" นายชินวรณ์ กล่าว

ทั้งนี้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายของส.ส.ฝ่ายค้าน เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.ว่า "ผมไม่ได้เป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้ไปร่วมวางแผนใดๆ ผมได้รับเชิญไปพูดในฐานะนักวิชาการ ถ้าไม่เชิญก็ไม่ไป และผมก็ไม่เคยไปนอนค้าง พูดเสร็จก็กลับบ้าน

ทำไมผมถึงไป ก็เพราะว่าใครก็ตามที่มีอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อปชต. หรือเพื่อธรรมาภิบาล ต่อต้านคอรัปชั่น คนคนเดียวครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง ผมรับไม่ได้ ผมจึงพร้อมเคลื่อนไหวต่อต้านความเป็นเผด็จการ ผมไม่ละอายที่จะทำสิ่งเหล่านี้ทั้งในที่แจ้งและเปิดเผย ผมขอบคุณที่เอาข้อความจากวิดีโอมาเปิดเผย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผมพูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น สังคมไทยต้องเป็นประชาธิปไตย มีธรรมาภิบาลให้ได้ ซึ่งการที่ผมออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ ผมก็ยืนยันว่าจะต่อต้านต่อไปหากว่าระบอบทักษิณกลับมาอีก

ผมรู้จักคุณทักษิณด้วย เพราะเป็นเพื่อนเป็นสหาย ร่วมทำงานมาเป็น 10 ปี คุณทักษิณเคยเชิญผมให้มาเป็นที่ปรึกษาที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เคยร่วมอุดมการณ์มา เพราะเชื่อมั่น ณ วันนั้นว่าคุณทักษิณจะนำประเทศไปได้ ช่วงปี 2544 ผมเป็นที่ปึกษาคุณทักษิณ พออยู่มาจนเกือบสิ้นปี ผมก็ไปเป็นทูตที่ญี่ปุ่น และเป็นคนแรกที่เซ็นสัญญากู้เงินเจบิกมาสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ปรากฏว่าคนญี่ปุ่นบ่นมาจมหูเลยเรื่องความไม่ชอบมาพากล ผมก็ทำหนังสือมาที่กระทรวง และนั่นก็เป็นที่มาที่ทำให้ผมไปร่วมกับพันธมิตรหลังกลับจากเป็นทูตที่วอชิงตัน ดี.ซี.

อันนั้นเป็นหลักฐานว่าผมพูดจริง ทำจริง และจะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ประเด็นถ้าเผื่อท่านไม่ชอบพันธมิตร เพราะผมฟังๆดูเหมือนว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจพันธมิตรฯ ผมก็ขอความกรุณาให้ท่านไปออกเอเอสทีวี อย่าใช้ผมเป็นสะพานเชื่อมไปโจมตีเขา ไปสู้ด้วยอุดมการณ์เลย

เรื่องที่สองก็คือ วันนี้ผมอยู่ในครม.ที่มีนายกฯอภิสิทธิ์ ผมเป็นคนที่ทำอะไรก็เป็นทีม ผมอยู่ในวินัย เมื่อมาเป็นรมต. บัญญัติ 9 ประการก็น้อมรับด้วยความยินดี และถึงแม้ไม่มีบัญญัติ ผมก็จะทำเพราะในฐานะอาสามาทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้สถานะของประเทศไทยอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี สง่างาม ผมยินดีทำงานกับนายกฯอภิสิทธิ์ เพราะท่านสง่างาม ไปไหนก็มีคนอยากข้องแวะ พูดได้มีสาระ เป็นที่ยอมรับ และนับวันก็จะมีมากขึ้น

ผมเป็นทูตมา 5 ประเทศ สถานทูตที่มีความทุจริตมิชอบ ผมเอา ขรก.ออก ผมเอา ขรก.ท้องถิ่นออก ใครประพฤติไม่ดี ขับรถชน ลวนลามผู้หญิง ผมก็เอาออก นั่นจึงเป็นที่มาของที่บอกว่าผมเข้ม โหดร้าย ผมออกไปเป็นทูตเป็นผู้แทนพระองค์ และเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งหมด ทูตต้องสง่างาม ตัวทูต และขรก.ต้องสง่างาม มันเลยมีข่าวลือซุบซิบนินทา และน่าเสียดายท่านผู้แทนที่จบจากตปท. อายุก็ยังน้อย ไปฟังใครเขามา อย่าได้มาดูถูกผม ครุฑทองคำไม่ได้ได้มาง่ายๆ

ส่วนปัญหากัมพูชานั้น ท่านสมเด็จฮุนเซ็นรับปากจะมาประชุมอาเซียนก่อนที่ผมจะเข้ารับตำแหน่ง สิ่งที่ผมได้ตกลงกับท่านฮุนเซ็น หรือท่านฮอนัมฮง ก็คือว่าต่อไปนี้เราจะดำเนินในการเป็นมิตรที่ดี เราต้องไม่เป็นปัญหาของสมาคมอาเซียน และการดำเนินการเป็นเรื่องของอาเซียน ไม่ต้องไปศาลโลก ประเด็นเกี่ยวกับเขตแดนเรามาทำกันเอง เพราะวันนี้เรายึดมั่นในแง่สันติวิธี อันนี้เป็นสิ่งที่เราได้รับมาจากกัมพูชา วันนี้กองกำลังของเราก็ได้เปิดบางส่วนให้คนไทยขึ้นไปได้ ที่บอกว่าเสียอธิปไตยไป 250 ม.นั้นไม่จริง ทหารรักษาดินแดนทุกตารางนิ้ว ไม่มีการถอย ไม่มีการถอน ผมปรึกษากับรมต.กห. และแม่ทัพภาค 2 เราข้องแวะกันตลอด การประท้วงที่จะกระทำในระดับทหารทำอยู่ตลอดเวลา ถ้าก.ตปท.จะประท้วงในระดับประเทศก็ให้ก.ตปท.ทำ เวลาเราทำ ก็ทั้งโดยวาจาและเอกสาร

ล่าสุดผมก็ได้คุยกับท่านฮอนัมฮง คามสัมพันธ์ก็ราบรื่น ไม่มีการสู้รบ ในการเจรจาเมื่อไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการเมืองภายในมาเกี่ยวข้อง มันก็คืบหน้าไปได้ เรามีเอกสารบันทึกช่วยจำ 2543 เป็นตัวตั้ง เรามีเอกสารจากสภาปีที่แล้ว มีการพบปะในระดับทหารอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นน การเจรจาล่าสุด 2-4 ก.พ. ครั้งต่อไปก็ต้นเดือนเม.ย. เราก็จะเจรจากัน เพราะเรื่องเจรจาเขตแดนมันไม่ง่าย เพราะไม่มีใครอยากเสียดินแดนของตัวเอง เราจะเจรจาด้วยสินติวิธี ไม่เร่งรีบ ไม่รีบร้อน ขณะนี้สิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้น อำนาจอธิปไตยไม่ได้สูญเสียไป ขอให้เพื่อนสมาชิกสบายใจได้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเสีย แต่ต้องมีการเจรจาอย่างแน่แท้ เพราะจะทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศคืบหน้าไปได้

เรื่องของการดำเนินความสัมพันธ์กับกัมพูชา สิ่งที่ได้พูดกันก็คืออย่าให้เรื่องการปักปันเขตแดน เป็นอุปสรรคต่อภาพรวมของความสัมพันธ์ ถนนที่ต้องสร้างเพื่อข้ามไปมาก็ต้องทำ ท่านฮุนเซนก็เตือนมาว่า สมัยที่ท่านสมัครเป็นนายกฯก็รับปากจะให้เงิน 1,400 ล้านบาท เราก็ต้องดำเนินการต่อ ณ วันนี้เมื่อไม่มีผลป.ย.ทับซ้อน ไม่เอาพรมแดนมาเป็นการเมืองภายใน การเจรจาก็คืบหน้าไปได้

ส่วนประเด็นที่ออกมาเอาถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ของผม หรือการพูดในเวทีพันธมิตรฯเกี่ยวกับท่านฮุนเซ็น ผมอยากท้าวความว่า วันที่ผมไปคารวะท่านฮุนเซ็น สิ่งแรกที่กล่าวกับผมก็คือเป็นเพื่อนเก่า ไม่ได้ผมกันมา 20 ปีแล้ว เพราะเมื่อ 20 ปีที่แล้วเราอยู่ที่ปารีส เจรจาเรื่องสันติภาพ ท่านฮุนเซ็นกับผมนั่งคนละฟากโต๊ะ เพราะไทยสนับสนุนเขมร 3 ฝ่าย ประชุมเสร็จผมก็เดินไปคุยกับเขาว่าวันหนึ่งเราคงมาอยู่ข้างเดียวกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา และก่อนที่ผมจะเดินทางไปพนมเปญ เขาได้เชิญคนที่รู้จักกับผมหลายคนให้ไปบรรยายสรุปเกี่ยวกับตัวผมให้ฟัง นั่นจึงอาจทำให้การเดินทางไปของผมราบรื่น

แม้ว่าผมอาจไม่ได้ไปรบทัพจับศึกแบบท่านฮุนเซ็น แต่เมื่อท่านได้รับทราบการต่อสู้ของผม มันก็มีอะไรที่พอให้เข้าใจได้ว่าปีที่แล้ว ผมพูดในกรอบอะไร เพราะประมาณ 12-13 ตุลาของปีที่แล้ว ท่านฮุนเซ็น ได้รับข้อมูลของกองกำลังเขมรว่าไทยได้ส่งกำลังไปประชิดชายแดน และมา 13 ตุลา ช่วงนั้นอดีตรมต.ตปท. ท่านสมพงษ์ ได้ไปเยือน และทันทีที่กลับมา ท่านฮุนเซ็นถึงได้ยื่นคำขาดให้ไทยถอนกำลัง เมื่อท่านฮุนเซ็นพูดจบ ผมก็นั่งดูอยู่ที่กทม. และรอดูว่ารัฐบาลจะมีใครออกมามั้ย ผมเลยออกมาพูดเพื่อปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ประเทศชาติ แต่ภายหลังพอท่านทราบข้อเท็จจริง ท่านก็เข้าใจ และผมทราบมาว่าต่อมาได้มีการปลดผบ.สส.ไปแล้ว

นอกจากนั้นมีการพูดจากันมากเกี่ยวกับการบริหารสถานทูต ซึ่งผมก็ปฏิเสธไปแล้ว ผมเป็นทูตดูแลคณะธรรมทูตไทยในต่างแดนด้วย เมื่อดูก็เห็นปัญหาของคณะทูตไทยในตปท. และได้ทำเอกสารส่งให้กับวัดไทย สถานทูตไทย และมหาเถรสมาคมด้วย ก็แน่นอนว่าเอกสารนี้ผมก็ได้อีเมล์จากพระบางท่านชม บานท่านก็ติ ผมก็ไม่ว่ากัน และเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วผมได้พบพระไทยในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมาพบผม และเล่าว่าตอนนี้ฝ่ายสำนักพระพุทธจะให้มีการปรับปรุง และทบทวนวิธีการส่งคณะทูตในตปท. อีกประเด็นก็คือเรื่องตั๋วเครื่องบิน ก็มีกรณีว่านร.ไทยในญี่ปุ่นมาบ่นว่าตั๋วแพง ผมเลยทาบทามการบินไทยว่าเป็นไปได้มั้ยจะลดลงให้กับนร. ซึ่งมันก็แค่เป็นความพยายามจะช่วยนักเรียน คือนอกจากการทำหน้าที่ของผมจะขจัดทุจริตมิชอบแล้ว อะไรที่จะทำอะไรให้กับคนไทยในตปท.ผมยินดีเต็มที่ ผมเสียดายที่บางท่านไม่ได้มาถามผมก่อน อย่าไปเอาข่าวที่เป็นเรื่องนินทาหรือซุบซิบ วอร์รูมหรือคณะทำงานของท่านฝีมือไม่ถึง มาเอาข้อมูลจากผมดีกว่า ไม่มีอะไรปิดบัง ขอให้สบายใจในความซื่อสัตย์สุจริตของผม"