เชลซี 2008-2009 รวยอย่างเดียวยังไม่พอ

หากจะหาเหตุผลซักข้อสำหรับสาเหตุที่ เชลซี ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในฤดูกาลนี้จนทำให้โอกาสคว้าแชมป์หลุดลอยไป ประเด็นหนึ่งผมว่าคือเรื่องการจัดการภายในทีม ทั้งๆ ที่มีเจ้าของสโมสรเป็นมหาเศรษฐีชาวรัสเซียอย่าง โรมัน อบราโมวิช ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจน้ำมันติดอันดับโลก และมี ปีเตอร์ เคนยอน เป็นซีอีโอบริหารทีม ซึ่งรายนี้อุตส่าห์ไปฉกตัวมาจากคู่ปรับร่วมลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

                ทุกๆ ปี เชลซี จะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลช็อปปิ้งผู้เล่นชื่อดังฝีเท้าฉกาจในตลาดซื้อขายนักเตะมาร่วมทีม แต่ในปีนี้ผมว่าล้มเหลวตั้งแต่เรื่องการดึงผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือชาวบราซิลเลี่ยนมาคุมทีม รวมไปถึงการคว้านักเตะที่ไม่ใช่ระดับเกรดเอมาร่วมทีม แต่ดันไปเน้นความเป็นโปรตุกีสมากจนเกินไป

                ด้วยชื่อเสียงของ หุลยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ที่เคยพาบราซิลคว้าแชมป์โลกมาแล้วเมื่อปี 2002 ก่อนจะข้ามฟากมาคุมทีมชาติโปรตุเกสจนพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึก ยูโร 2004 ทำให้หลายสโมสรในอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี แสดงความสนใจ และก็เป็น เชลซี ที่อาศัยเงินหนาคว้ามากุมบังเหียนทีมจนได้ แต่ผลงานคุมทีมกลับย่ำแย่แถมแก้ปัญหาควบคุมอีโก้ของเหล่าดาวเตะซูเปอร์สตาร์ "สิงห์บลูส์" ไม่อยู่ ท้ายที่สุดสโมสรต้องยอมทุ่มเงินกว่า 10 ล้านปอนด์เพื่อฉีกสัญญา

                ในช่วงที่ "บิ๊ก ฟิล" เข้ามาคุมทีมได้พ่วงนักเตะทีมชาติโปรตุเกสอย่าง เดโก้ และ โชเซ่ โบซิงวา มาร่วมทีมด้วย รวมไปถึงการยืมตัว มิเนโร่ มิดฟิลด์ชาวบราซิลจากบุนเดสลีกา เยอรมัน และ ริคาร์โด้ กวาเรสม่า ปีกของ อินเตอร์ มิลาน มาร่วมทีม สังเกตุได้ว่าแต่ละคนที่ "บิ๊ก ฟิล" ดึงมาร่วมทีมพูดภาษาโปรตุกีสทั้งนั้น นี่ยังขาดไปอีกคนคือ โรบินโญ่ ที่โดน แมนฯ ซิตี้ ตัดหน้าฉกไปร่วมทีมซะก่อน ไม่งั้นคงมีแต่พวกพูดโปรตุกีสกันกว่าครึ่งทีม

                มาดูรายชื่อนักเตะย้ายเข้าย้ายออกของเชลซี ในฤดูกาลนี้นะครับ
                ย้ายเข้า : โชเซ่ โบซิงวา (เอฟซี ปอร์โต้), เดโก้ (บาร์เซโลน่า), มิเนโร่ (ฟรี), ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (อินเตอร์ มิลาน - ยืมตัว)

                ย้ายออก : เบน ซาฮาร์ (พอร์ทสมัธ - ยืมตัว), เฮอร์นัน เครสโป (ปล่อยฟรี), สตีฟ ซิดเวลล์ (แอสตัน วิลล่า), โคล้ด มาเกเลเล่ (เปแอสเช), ทาล เบน ฮาอิม (แมนฯ ซิตี้), เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ (แวร์เดอร์ เบรเมน - ยืมตัว), อังเดร เชฟเชนโก้ (เอซี มิลาน), ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ (แมนฯ ซิตี้), เวย์น บริดจ์ (แมนฯซิตี้), คาร์โล คูดิชินี่ (สเปอร์ส)

              สังเกตุไหมครับว่าที่ย้ายเข้ามามีแต่นักเตะบราซิลเลี่ยนกับโปรตุกีส

ส่วนย้ายออกกลับไม่มีพวกที่พูดโปรตุกีสเลยทั้งที่ทีมก็มีอยู่หลายคนที่เริ่มเป็นส่วนเกินของสโมสรแล้วอย่าง เปาโล แฟร์ไรร่า, เบลเล็ตติ หรือ ฮิลาริโอ ผมมองว่านี่คือการพยายามสร้าง "โปรตุกีส พาวเวอร์" ขึ้นมาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อง่ายต่อการควบคุมและหวังคานอำนาจกับพวกขาใหญ่ประจำทีม "สิงห์บลูส์" ในอนาคต เลยกลายเป็นบ่อเกิดแห่งการแบ่งพรรคแบ่งพวก และในที่สุด "บิ๊ก ฟิล" ก็เป็นคนที่เดือดร้อนโดนแทงข้างหลังเสียเอง ขาใหญ่ที่ผมพูดถึงก็คือ จอห์น เทอร์รี่, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, มิชาเอล บัลลัค, ปีเตอร์ เช็ก และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา นี่ไม่ได้อ้างลอยๆ นะครับเพราะ สโคลารี่ เป็นคนให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเองว่านักเตะเหล่านี้อยู่เบื้องหลังการถูกปลดของเขา
 
               ช่วงนี้ เชลซี ผลงานกระเตื้องขึ้นเยอะหลังจากได้ กุส ฮิดดิ้งค์ เข้ามาคุมทีม ซึ่งนอกจากมันสมองของกุนซือชาวดัตช์คนนี้ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือตอนนี้เมฆหมอกแห่งความขัดแย้งได้ถูกพัดไปแล้วพร้อมกับการจากไปของ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ นักเตะมีสมาธิกับฟุตบอลมากกว่าเดิม ไม่ต้องคอยเล่นการเมืองกันนอกสนาม ช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ก็ต้องหวังพึ่งกึ๋นของ กุส ฮิดดิ้งค์ กันต่อไปเท่าที่จะทำได้กับขุมกำลังที่มีอยู่

               ปัญหาใหญ่ก็คือหลังจบฤดูกาลนี้ถ้า กุส ฮิดดิ้งค์ ไม่กลืนน้ำลายอยู่คุมทีมต่อในฤดูกาลหน้า ใครจะเข้ามาเป็นกุนซือคนต่อไป ผมมองว่าคนที่จะมาคุมทีมรวมดาราอย่าง เชลซี เก่งอย่างเดียวไม่พอต้องมีบารมีในการคุมทีมระดับสโมสรด้วย และที่สำคัญอย่ามองข้ามพวกขาใหญ่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นอันขาดเพราะอาจจะเอาชื่อมาทิ้งอย่าง หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ก็เป็นได้ ใครเป็นแฟนทีม เชลซี ก็ต้องทำใจกันหน่อยล่ะครับ ฟากฝั่งทีม อาร์เซน่อล ก็คล้ายๆ กันนักเตะแบ่งพวกกันเป็นก๊กๆ คนนั้นไม่ถูกกับคนนี้ คนนี้ไม่ชอบนิสัยคนนั้น ปัญหานี้จะสร้างความยุ่งยากลำบากใจให้ อาร์แซน เวนเกอร์ ไปอีกนาน ไม่เหมือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ ลิเวอร์พูล

                ต้องยกย่องเลยว่าเป็นทีมที่รวมจิตใจของนักเตะได้ดีมาก การจัดการภายในทีม ณ ชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่า แมนฯยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ดีกว่า เชลซี และ อาร์เซน่อล ครับ

แมนออฟเดอะแมตช์