เชอร์รี่ นำภาพวาดสุดรัก ประมูลเพื่อสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น

ตัดสินใจนำภาพวาดด้วยฝีมือตัวเองที่รักที่สุดมาประมูล สำหรับนางเอกสาว “เชอร์รี่ เข็มอัปสร” กับภาพสีอคริลิคพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จย่า โดยงานนี้ เชอร์รี่ ได้เผยกับสื่อมวลชนว่า คิดหนักเหมือนกันกับการตัดสินใจนำภาพนี้มาประมูล แต่พอคิดถึงโครงการพ่อสอนให้…ให้ ก็ไม่ได้ลังเลอะไร อีกทั้งเงินที่ได้จากการประมูลนั้นยังสามารถนำไปช่วยเหลือได้อีกหลายชีวิต

“ภาพนี้เป็นภาพวาดที่วาดไว้ตั้งแต่ก่อนจะ 13 ตุลาคมปีที่แล้วค่ะ เป็นภาพที่รักแล้วก็หวงที่สุดเลย แล้วก็เป็นภาพสีอะคริลิคครั้งแรกที่วาดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แต่เราวาดรูปท่านหลายรูปแล้วค่ะ อยากวาดรูปพระองค์ท่านเก็บไว้ แต่อยากวาดเป็นรูปที่มีในหลวงและสมเด็จย่า ก็เลยเลือกวาดภาพนี้”

“ชื่อภาพคือ “รัก” เราชอบความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ ในการแสดงออกในที่สาธารณะแบบสามัญชนธรรมดา แล้วก็ชอบในสิ่งที่สมเด็จย่า ได้สอน ได้ฟูกฟักสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นพระมหากษัตริย์ที่งดงามขนาดนี้ แล้วก็ความรักของเราที่มีต่อทั่งสองพระองค์ด้วย ใช้เวลาวาดภาพนี้ 2 อาทิตย์ค่ะ ก็แก้ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าแก้ไปมันก็ไม่น่าจะได้ไปมากกว่านี้ เราก็เลยหยุดค่ะ แล้วที่ทำเป็นภาพซีเปีย ก็เพราะว่าภาพต้นแบบ เป็นภาพขาวดำ แต่ตัวเราอยากได้ภาพวาดนี้เป็นซีเปียเพราะว่าเป็นสีที่ทำให้เรารู้สึกถึงความทรงจำที่ดี เลยเลือกสีนี้”

“ถามว่าเป็นภาพที่รักที่สุด ทำไมถึงตัดสินใจเอามาประมูล คือภาพนี้เป็นภาพที่รักที่สุดเลยจริงๆ แต่ทางสภากาชาดไทย บอกเราว่าจะจัดงานนี้ขึ้นและขอให้เราวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่เรายุ่งมาก ไม่มีเวลาวาดภาพใหม่ให้เลย จึงนึกถึงภาพเดิมที่มีอยู่ ซึ่งมีอยู่หลายภาพ 6-7 ภาพ ก็นึกถึงภาพนี้ขึ้นมาเป็นภาพแรก”

“แต่ด้วยความที่หวงมาก ไม่รู้ว่าวาดใหม่จะได้แบบนี้หรือเปล่า ก็คิดว่าจะอย่างไรดี แต่พอมานึกถึงชื่อโครงการพ่อสอนให้…ให้ เราก็รู้สึกว่าเราคงต้องให้ภาพนี้นี่แหละ เพื่อที่สภากาชาดไทย จะได้เอาไปประมูลเพื่อเป็นรายได้ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้มากขึ้น ซึ่งวันนี้ก็ประมูลได้มูลค่า 50,000 บาทค่ะ ถือว่าค่อนข้างเยอะกว่าที่ตั้งใจไว้ ต้องขอขอบคุณมากสำหรับผู้ที่ประมูลไป สามารถช่วยเหลือได้อีกหลายชีวิตเลยค่ะ”

“ตอนนี้ก็มีทำโครงการ little forest ปลูกป่า ปลูกคน ปลูกใจ ที่ จ.แพร่ค่ะ ผ่านมา 3 ปีแล้ว คือเราก็เริ่มจากการปลูกต้นไม้ ตอนนี้ต้นไม้ของเราก็เติบโตขึ้น ทุกครั้งที่เราได้ไปดูความเติบโตของต้นไม้ก็จะเป็นความภูมิใจของพวกเรานะคะ แล้วก็มีเรื่องการพัฒนาอาชีพของคนในพื้นที่ด้วย ปัญหาหลักๆเลยคือขาดแคลนน้ำ เราก็ไปเรียนรู้การสร้างฝาย กับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ที่ จ.น่าน แล้วก็มาร่วมสร้างกับคนในพื้นที่ค่ะ”

“พอได้เห็นคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ดีขึ้น เราในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนามันมีความสุขค่ะ เราตั้งใจทำโดยที่ไม่ได้หวัง พอมันเกิดเป็นรูปธรรมที่มันจับต้องได้ อย่างสายตาที่มีความสุขของเขาที่ส่งมาถึงเรา นี่ก็เป็นความสุขแล้ว มันเป็นความสำเร็จก้าวหนึ่งค่ะ เรื่องเงินก็เยอะพอสมควรค่ะ เราปลูกต้นไม้ 20,000 ต้น กำลังจะสร้างฝายที่ 3 ซึ่งในการสร้างฝายแต่ละฝาย ใช้เงินทุนเป็นล้านเหมือนกัน ก็ค่อยๆหาสตางค์ไปค่ะ แต่ก็มีสปอนเซอร์ที่สนับสนุนเรามาตลอด รวมทั้งทุกคนที่ช่วยกันบริจาค เรายังมีการทำของขายด้วย ก็มีคนที่ช่วยเหลืออยู่ค่ะ”