ชาวโซมาเลียประท้วง เหตุระเบิดกลางเมืองครั้งรุนแรง ยอดตายพุ่ง 230 ราย

เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งในเมืองหลวงของโซมาเลียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตพร้อมกันถึงกว่า 200 คน ขณะเดียวกันก็มีประชาชนหลายพันคน ออกมาเดินขบวนเพื่อประนามเหตุระเบิดครั้งนี้

วันนี้ (16 ต.ค. 60) สื่อต่างชาติรายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดรุนแรง กลางกรุงโมกาดิชู เมืองหลวงของประเทศโซมาเลีย ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นอย่างน้อย 230 คน บาดเจ็บอีกกว่า 300 คน และมีแนวโน้มตัวเลขเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายสิบคน เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ (14 ต.ค. 60) ที่ผ่านมา โดยคนร้ายซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถบรรทุกคันหนึ่ง ก่อนที่ตำรวจจะตรวจพบ เนื่องจากท่าทีมีพิรุธ จึงได้ติดตามไป แต่เมื่อพยายามจะเข้าสกัด คนขับรถดูเหมือนจะรู้ตัวและรีบจุดชนวนระเบิดทันที บริเวณหน้าทางเข้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในย่านที่คนพลุกพล่าน จนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวได้ยินไปไกลหลายกิโลเมตร ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า นี่เป็นเหตุระเบิดรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี นอกจากนี้ ยังมีรายงานเหตุระเบิดครั้งที่ 2 เกิดขึ้นไม่ห่างจากจุดที่เกิดการโจมตีครั้งแรก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน

ประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด อับดุลลาฮี ฟาร์มาโจ ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน และสั่งลดธงชาติลงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งประกาศด้วยว่า กลุ่มก่อการร้ายจะไม่มีวันชนะ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตี แต่ที่ผ่านมากลุ่มอัล-ชาบับ ซึ่งเป็นเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ มักจะเลือกโจมตีเป้าหมายสถานที่สำคัญๆในกรุงโมกาดิชู โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 2 วันก่อนที่ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯในภูมิภาคแอฟริกา จะเดินทางมาถึงเพื่อเข้าหารือกับประธานาธิบดีโซมาเลีย ล่าสุด ผู้คนในกรุงโมกาดิชู ราว 2 พันคน ออกมาเดินขบวนตามท้องถนน โดยมีสัญลักษณ์คือผ้าโพกศีรษะสีแดง ประท้วงเหตุรุนแรง ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้น 2 ครั้งในต่างพื้นที่กัน โดยระเบิดลูกแรกเกิดขึ้นด้านนอกของโรงแรมแห่งหนึ่ง บริเวณสี่แยกที่มีอาคารสำนักงานของทางราชการตั้งอยู่มากมาย ส่วนลูกที่สอง เกิดขึ้นในเวลา 2 ชั่วโมงถัดมา บริเวณย่านเมดีน่า ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน โดยทั้ง 2 เหตุการณ์มีรูปแบบเดียวกันคือ ซุกซ่อนระเบิดจำนวนมากไว้ในรถบรรทุก ซึ่งถือเป็นเหตุรุนแรงที่สุด เท่าที่เคยมีมาในกรุงโมกาดิชู นับตั้งแต่กลุ่มอัล-ชาบับ เริ่มต่อสู้กับรัฐบาลโซมาเลีย