อาร์ต พศุตม์ ไม่ท้อ เดินหน้าทำดีแม้จะถูกมองว่าสร้างภาพ
ตั้งใจทำความดีขอเป็นจิตอาสาช่วยดูแลประชาชนตอนอยู่ท้องสนามหลวงให้สะดวกสบายแบบเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นนักแสดงหนุ่ม “อาร์ต พศุตม์” ก็ถูกเกรียนคีย์บอร์ดเข้ามาโจมตี โดยกล่าวหาว่าสิ่งที่หนุ่มอาร์ตทำลงไปนั้นเพื่อต้องการจะสร้างภาพให้ตัวเองดูดีแค่นั้นเอง
ล่าสุด อาร์ต พศุตม์ ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวดังกล่าวให้ฟังว่า ก็ยังไม่ท้อ และขอยิ้มสู้ทำความดีต่อไป อีกอย่างอยากเก็บไว้เป็นอีกหนึ่งความทรงจำของชีวิต ว่าครั้งหนึ่งเคยทำอะไรแบบนี้
ถามถึงงานจิตอาสาที่ทำมาตลอด 1 ปี ?
"ก็เจอมาหลายอย่าง โดนไล่บ้าง โดนด่าบ้าง แต่ก็ยิ้มรับและพยายามทำโดยที่ไม่มีอารมณ์ให้ได้มากที่สุด เพราะหลังๆ เราก็นำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ บอกให้เขารู้ว่าการอยู่หลังคีย์บอร์ดไม่ได้เป็นสิ่งที่มีความสุข บางคนก็หาว่าบ่น เราก็ยิ้มและเฉยๆ มองเป็นเรื่องสนุก"
มีท้อบ้างไหม ?
"ไม่ท้อเลย เพราะถ้าท้อก็คงไม่ทำแล้ว เดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะมีไปแจกเสื้อคนที่มาจากต่างจังหวัด ตอนนี้สั่งไปกว่า 3 พันตัวแล้ว ทุนก็มาจากเพื่อนๆ ที่เขาอยากช่วยด้วยครับ ส่วนวันพระราชพิธีจริง ก็ไปเป็นจิตอาสาช่วยคัดกรองคนเข้าสนามหลวง วันนั้นแบ่งเป็น 3 กะ กำลังดูว่าจะลงกะไหนดี เพราะนัดกับเพื่อนๆ ไว้ แต่ก็จะทำเท่าที่ตัวเองทำไหวครับ"
อะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดไม่ตอบโต้ ?
"จริงๆ ก็ไม่ได้ปล่อยวางนะ ผมก็จะสวนเกือบทุกดอก บางคนอาจจะบอกว่าทำไมต้องปวดหัวกับคนพวกนี้ คือ ผมไม่ได้ตอบคำด้วยคำพูดที่รุนแรง แต่บอกว่าสิ่งที่เขาทำดีแล้วเหรอ สิ่งที่เขาทำดีกว่าผมทำหรือเปล่า เพราะเวลาคนทำไม่ดีเขาจะไม่รู้ว่ากำลังทำไม่ดี แต่ผมก็ไม่ได้ว่าสวนเขาด้วยคำพูดแรงๆ เพราะคนที่ด่าเราตอนนี้มีแทบจะไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์แล้ว"
แฮชแท็ก 'ทำดีสร้างภาพ' ไม่ได้ต้องการกระแนะกระแหนใครใช่ไหม ?
"ถ้าคนคิดว่ากระแนะกระแหน ก็ตามนั้นครับ แต่ถ้าคิดว่าเป็นการบอกกล่าวก็เป็นการบอกกล่าว ก็แล้วแต่ว่าคนจะคิดไปในทางลบหรือทางบวก ถ้าคิดลบผมก็ขอโทษแล้วกัน แต่ถ้าคิดดีก็ดี ผมไม่ได้จะให้ใครมามองผมบวก ให้ดูจากการกระทำดีกว่า"
ระยะเวลาก็ช่วยพิสูจน์ว่าเราทำเต็มที่ ?
"ตลอดเวลา 365 วัน ผมน่าจะเป็นคนต้นๆ ที่อยู่ตรงนั้น น่าจะประมาณ 100 วัน ก็แล้วแต่คนมองอีกว่าสร้างภาพหรือเปล่า ผมไม่สามารถบอกใครว่าผมเป็นคนดี และผมก็ไม่เคยบอกว่าผมเป็นคนดี ผมแค่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งที่ตอนนี้ไปอยู่บนสวรรค์เท่านั้นเอง จริงๆ ผมก็ไม่ได้ทำให้ท่าน แต่ทำให้คนที่มาหาท่านมากกว่า"
รู้สึกภูมิใจยังไง ?
"เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นประวัติศาสตร์ว่าเราเคยทำ ถึงเวลาผ่านไปอีก 5-10 ปี คนจะลืม แต่สิ่งเหล่านั้นยังอยู่กับผม ผมเคยได้ทำอย่างนี้นะ"
หลังจากนี้จะเดินตามรอยพ่อยังไงบ้าง ?
"ถ้ามีอะไรให้ทำก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้บอกว่าหมดงานพระราชพิธีในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ผมจะเลิกทำ จริงๆ ผมก็เริ่มทำกิจกรรมให้กับมูลนิธิต่างๆ บ้างแต่คนเห็นน้อย ก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ช่วยหาเงินให้วัดพระบาทน้ำพุ จนโดนคนที่อยู่ในพื้นที่แจ้งความจับหาว่าผมเอาเงินบริจาคไปใช้ เขาบอกว่าเจ้าอาวาสไม่รับนิมนต์ต่างที่ แล้วผมรับบริจาคได้ยังไง จนผมต้องโทรไปวัดพระบาทน้ำพุ แจ้งหลวงพ่อว่ามีคนหาว่าผมฉ้อโกงอ้างชื่อเสียงวัดไปหากิน เพราะตอนแรกผมตั้งใจว่าคงรวบรวมเงินบริจาคแค่ 1 แสนบาท แต่ท้ายที่สุดรวบรวมได้ถึง 1.2 ล้านบาท เลยต้องให้เพจของวัดแจ้งข่าวว่าผมจะมารับนิมนต์ที่สนามแข่งรถ นครชัยศรี แจ้งรายละเอียดที่มาของเงินทุกอย่าง เขาก็เลยเงิบไป"
พอเป็นแบบนี้ได้เจอคนที่แจ้งความกล่าวหาเราไหม ?
"ไม่เจอครับ แล้วก็ไม่จองเวรกับเขาด้วย รู้สึกว่าเสียเวลา ไม่คิดเอาเรื่อง เราจะทำบุญใจเราต้องเป็นบุญด้วย ส่วนถ้าใจเขาเป็นบาป เขาก็จะได้บาปเอง หลวงพ่อก็บอกอย่าไปจองเวรเขา มองในแง่หนึ่งก็ดีที่เขาพยายามรักษาชื่อเสียงวัด ป้องกันไม่ให้คนเอาชื่อเสียงวัดไปแอบอ้าง"
เขาถอนแจ้งความแล้วใช่ไหม ?
"ก็คงต้องถอนครับ (ยิ้ม)"
พอเป็นจิตอาสาทำให้เราได้รับอะไรบ้าง ?
"เอาจริงๆ คนมองผมในมุมบวกขึ้นเยอะมาก ซึ่งผมไม่เคยคิดตรงนี้ แต่พอคนมองแบบนี้ก็ทำให้เรายิ้มได้ครับ"
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ