#กรุงเทพฯ ไม่จำเป็นต้องท่วม เสียงสะท้อนจุดยืนของดวงฤทธิ์ บุนนาค

#กรุงเทพฯ ไม่จำเป็นต้องท่วม เสียงสะท้อนจุดยืนของดวงฤทธิ์ บุนนาค

#กรุงเทพฯ ไม่จำเป็นต้องท่วม เสียงสะท้อนจุดยืนของดวงฤทธิ์ บุนนาค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2529 ที่ถือว่าเป็นปีที่มีประมาณน้ำฝนมากที่สุด คือ 270 มิลลิเมตร กรุงเทพมหานครก็ไม่เคยต้องประสบกับปัญหาฝนตกหนักและน้ำท่วมขังอย่างสาหัส จนกระทั่งในเดือนตุลาคมปีนี้ เมืองฟ้าอมรของเราได้สัมผัสกับภาวะวิกฤตอีกครั้ง จากเหตุน้ำท่วมขังที่กระจายวงกว้างถึง 55 จุด เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่มากถึง 214.5 มิลลิเมตร ส่งผลให้การจราจรเป็นอัมพาต และที่สำคัญคือบ้านเรือนของประชาชนและธุรกิจต่างๆ เสียหายอย่างหนักในชั่วข้ามคืน

นอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กทม. ในโลกออนไลน์แล้ว เสียงของ “ดวงฤทธิ์ บุนนาค” สถาปนิกชื่อดังผู้ก่อตั้งบริษัทดวงฤทธิ์ บุนนาค จำกัด และเจ้าของ Creative Space สุดชิคอย่าง The Jam Factory และ Warehouse 30 ก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่ออกมาเรียกร้องระบบบริหารจัดการน้ำท่วม เช่นเดียวกับที่เขาเคยเป็นกระบอกเสียงในการคัดค้านโครงการต่างๆ ที่ไม่มีการรับฟังเสียงของประชาชน ทั้งโครงการก่อสร้างถนนเลียบแม่น้ำระยะทาง 14 กิโลเมตร การใช้กฎหมายมาตรา 44 ยกเลิกหน่วยงานด้านความคิดสร้างสรรค์อย่าง OKMD, TCDC, TK Park และ Museum Siam รวมทั้งการที่รัฐบาลใช้มาตรา 44 อนุญาตให้สถาปนิกจากจีนเข้ามาทำงานโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ – นครราชสีมา ได้โดยไม่ต้องขอรับใบอนุญาต

และในครั้งนี้ “คุณด้วง” เปิดประเด็นเพื่อสะท้อนจุดยืนของเขาและชาวกรุงเทพฯ ทุกคน ด้วยประโยคที่ว่า #กรุงเทพฯ ไม่จำเป็นต้องท่วม

ทำไมกรุงเทพฯ จึงไม่ควรน้ำท่วม
มันไม่จำเป็นต้องน้ำท่วม เพราะโดยทั่วไปแล้วมันมีวิธีที่จะทำให้มันไม่ท่วมหลายอย่าง ทุกเมืองในโลกก็มีปัญหาเหมือนกันหมด แต่เขาไม่ยอมไง เขาสู้กับมัน ประเด็นคือว่าเราถูกปลูกฝังว่ามันเป็นเรื่องเวรกรรม กรุงเทพฯ มันก็เป็นแบบนี้แหละ น้ำท่วมก็ต้องทนเอา มันเป็นวิธีคิดที่ผิดน่ะ

กรุงเทพฯ มีอยู่สองอย่าง คือฝนตกกับน้ำทะเลหนุน ถ้าวันไหนเจอน้ำทะเลหนุนสูง น้ำเหนือไหลมา แล้วก็ฝนตก ซึ่งก็ต้องระบายน้ำลงคลองแล้วไหลออกแม่น้ำ แต่มันระบายออกไม่ได้ เพราะว่าเรากั้นไว้ด้วยประตูน้ำ เพราะฉะนั้น วิธีเดียวที่น้ำจะไหลออกไปได้ ก็คือต้องสูบออก แต่ กทม. ไม่ได้สูบออก อย่างที่นักข่าวไปถ่ายทำ ไม่มีเครื่องสูบน้ำเลย น้ำก็เลยท่วมอยู่ที่ดินแดงจุดเดียว แล้วก็มีความเสียหายเกิดขึ้น

ถ้าเรามีการบริหารจัดการที่ดี วางระบบดีๆ เจ้าหน้าที่ของ กทม. ทุกคนมีความระมัดระวัง เทคโนโลยีที่มีอยู่ช่วยให้น้ำไม่ท่วมได้ แล้วเรามีการเตรียมการวางแผน มันไม่ท่วมหรอก น้ำมันท่วมเพราะคนที่มีหน้าที่ที่ต้องทำ มันไม่ทำหน้าที่ของมัน หรือทำหน้าที่ช้าไปเท่านั้นเอง ภาษาของผมเรียกว่า Lack of Integrity และการที่น้ำท่วมไปแล้วแล้วผู้ว่าฯ ออกมาเดิน มันไม่ได้ช่วยให้น้ำมันหายท่วม ดังนั้น น้ำมันท่วมกรุงเทพฯ ก็เพราะคน

พื้นที่เดิมของกรุงเทพฯ เป็นที่ต่ำจริงหรือเปล่า
ใช่ มันเป็นที่ต่ำและเราถูกปลูกฝังว่ามันเป็นที่ต่ำ ยังไงมันก็ต้องท่วม แต่ยังมีหลายประเทศในโลก ที่ต่ำกว่าน้ำทะเล แต่น้ำไม่ท่วม เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำไม่ท่วมได้ แต่เรากลับเลือกที่จะกั้นน้ำจากคูคลองไม่ให้ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะเรากลัวแม่น้ำเจ้าพระยาที่เอ่อสูงจะไหลกลับเข้ามา นั่นแปลว่าคุณต้องสูบออกให้ทัน เพราะถ้าเกิดน้ำฝนลงมามันจะออกแม่น้ำไม่ได้ เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯ จึงอยู่ได้ด้วยการสูบน้ำ

ผังเมืองที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันมีผลกับเรื่องน้ำท่วมหรือเปล่า
ที่จริงเรื่องผังเมืองเขามีการป้องกันไว้แล้วครับ เขามี floodway ทางทิศตะวันออก ให้น้ำเหนือไหลผ่าน ไม่เข้ากรุงเทพฯ มันก็มีประสิทธิภาพประมาณหนึ่ง เพราะตั้งแต่มี floodway กรุงเทพฯ ก็ท่วมเนื่องจากน้ำเหนือที่ไหลมาน้อยลง แต่น้ำท่วมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่มันสาหัสเพราะว่ามันเป็นน้ำฝน ถ้าเดินเครื่องสูบน้ำ ทุกอย่างต้องรอด ผมถามว่ามันเดินเครื่องสูบน้ำหรือเปล่า เดินทุกจุดหรือเปล่า ก็แค่นี้เอง ไม่ซับซ้อน คือมันไม่มีใครจัดการ อย่างแอ่งตรงมักกะสัน มันมีบึงมักกะสันอยู่ แล้วก็เวลามันเอ่อ มันก็จะท่วมบริเวณโดยรอบ ก็คือสุขุมวิทบางส่วน ดินแดง เรารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นแอ่ง พอไม่มีการสูบออกมันก็ท่วมอยู่แค่แอ่งตรงนี้

 

ถ้าเราจะใช้เทคโนโลยีเหมือนญี่ปุ่น ระบบต่างๆ ของเมืองจะเปลี่ยนไปไหม
ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนนะ ไม่มีอะไรส่งผลกระทบต่อเมืองเลย แต่ที่กรุงเทพฯ น้ำท่วมเพราะคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการจัดการน้ำไม่พยายามใช้เทคโนโลยี หรือหาทางดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างที่จำเป็นในการป้องกันน้ำท่วมเลย ปีหนึ่งๆ นอกจากอุโมงค์ที่ไม่ได้ใช้แล้วเนี่ย มีโครงสร้างพื้นฐานอะไรที่เราสร้างเพื่อป้องกันน้ำท่วม เรามีเขื่อนริมแม่น้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่มันก็กั้นไม่ให้น้ำไหลออกแม่น้ำ มันก็ยิ่งท่วมหนัก และยิ่งทำให้น้ำในแม่น้ำไหลแรงขึ้นและเร็วขึ้น ขณะเดียวกันเขื่อนก็ทำให้น้ำไม่สามารถซึมเข้าสู่พื้นที่ได้ ถามว่าถ้าน้ำซึมเข้ามา พื้นที่เดือดร้อนไหม เดือดร้อน แต่จะเดือดร้อนแค่ชั่วคราว แต่เดี๋ยวนี้จะรุนแรงเพราะน้ำซึมออกซ้ายขวาไม่ได้ มันซับน้ำไม่ได้

นอกจากภาครัฐจะต้องทำหน้าที่แล้ว ภาคประชาชนต้องทำอะไรบ้าง
ที่จริงอันนี้เป็นความรับผิดชอบของภาครัฐ ส่วนเราจ่ายภาษีเพื่อไปพัฒนาเมืองให้คุณอยู่กันอย่างมีความสุข เป็นความรับผิดชอบของคนที่ดูแลเมืองโดยตรงเลยครับ ถ้าเขาไม่ทำสิ่งนี้แปลว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

ตอนนี้เราอยู่ในเมืองที่ไม่มีการบริหาร การที่ใส่เกียร์ว่าง ไม่ได้ทำอะไร ก็คือผลเสียอย่างหนึ่งนะ ถ้าผู้ว่าหรือข้าราชการใส่เกียร์ว่าง ไม่ทำอะไรผิด แล้วก็ไม่ทำอะไรถูกด้วย มันไม่ได้เป็นผลดีนะ แต่ทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเวรกรรมของฉัน คนไทยโคตรใจดีเลย อ๋อ เพราะเราทิ้งขยะ เห็นไหม รูปขยะไปกองเต็มฝาท่อเลย เพราะพวกเรานี่แหละ โห... ใจดีมาก เป็นคนไทยตัวอย่างมาก

ก็เลยต้องโทษตัวเองไป?
เพราะไม่รู้ว่าจะโทษใครไง ก็โทษตัวเองไป ก็ดูน่าสงสารดีนะ ก็ดูโอเค แต่ก็ไม่ทำให้น้ำหายท่วม ตอนปี 54 ที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ บ้านผมที่วิภาวดีก็น้ำท่วม ผมก็ศึกษาเยอะมากเลยว่าทำไมน้ำถึงท่วม เราก็รู้สึกว่าไม่อยากให้น้ำท่วม มันไม่มีวิธีแก้เลยเหรอ ก็เลยศึกษาจนได้คำตอบว่ามันไม่จำเป็นต้องท่วม มันท่วมเพราะการบริหารจัดการไม่มีใครลงมือทำ พูดแล้วมันน่าหงุดหงิด

ประเทศนี้มันก็มีข้อดีอย่างนี้แหละ เวลาที่รัฐไม่ได้ทำตามหน้าที่ที่ควรจะทำ มันก็จะมีวิธีคิดที่ให้เขาเอาตัวรอดไปได้ เราก็ปล่อยให้เขาเอาตัวรอดไป เพราะเราโทษโชคชะตา กับถูกล้างสมองว่ากรุงเทพเป็นที่ลุ่ม

การที่เราคิดว่าอะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป หมายความว่าเราอนุญาตให้คนที่ควรรับผิดชอบ ไม่ต้องรับผิดชอบ?
ใช่ คือมีใครบางคนสัญญากับคุณว่าเขาจะทำตามเสียงของคุณนะ แต่เขากลับไม่ทำตามสัญญา ผมถามว่าคุณจะทำอย่างไร คุณก็จะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมของฉันเองที่เขาไม่ทำตามสัญญา แล้วก็ปล่อยให้เขาไปโดยที่เขาไม่ต้องทำตามสัญญาอย่างนั้นเหรอ ทุกวันนี้เราทำอย่างนั้นอยู่นะ

ทุกวันนี้คนที่เข้ามาจัดการเมืองอย่างผู้ว่าฯ ไม่ว่าตำแหน่งจะมาอย่างไร คุณอาสาเข้ามาทำแล้ว หน้าที่ของคุณคือต้องดูแลให้ประชาชนมีความสุข โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคต่างๆ ต้องดี คุณต้องทำให้ได้ ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณสอบตก ถ้าเพื่อนคุณไม่รักษาสัญญา คุณคงโกรธ แต่พอเป็นรัฐ คุณกลับอนุญาต

ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่โอเค แล้วก็คิดว่าพวกคุณก็ไม่ควรโอเค เอาอย่างนี้ไหม คราวหน้าสัญญากันเลย คนไหนขึ้นมาเป็นผู้ว่า ถ้าปีนั้นน้ำท่วม คนนั้นต้องลาออก ผมว่าถ้าทำแบบนี้ รับรองว่าน้ำไม่ท่วม เพราะว่ามันต้องสู้ยิบตาเลย เขาต้องเป็นคนแรกที่รู้ว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ท่วม แล้วเขาต้องทำอะไรสักอย่างล่วงหน้า เพราะเขามีหน่วยงานทุกหน่วยงานในมือที่สั่งการได้ มีหน่วยงานที่คอยเฝ้าระวังระดับน้ำอยู่ในมือ แต่สำหรับคราวนี้ผมเชื่อว่าเขารู้พร้อมเรา

 

ถ้าเกิดว่าเราคิดจะโวยวายในสภาพบ้านเมืองแบบนี้ล่ะ
คุณคิดว่าผมกลัวไหมล่ะ ประเด็นคือคุณกลัวอะไร กลัวเขาฆ่าคุณเหรอ คุณเป็นประชาชน เขาเป็นรัฐบาล เมื่อคุณเดือดร้อน เขาก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้สิ ผมไม่ได้ด่าว่าเขาเป็นคนเลวเลยนะ ไม่สนใจด้วยว่าเขาจะขึ้นมาโดยวิธีไหน แต่เขาต้องทำตามสัญญา อันนี้ผมไม่ยอม และพวกคุณก็ไม่ควรจะยอม

พวกคุณกลัวเกินไป เขาจะออกมาฆ่าคุณเพราะคุณออกมาพูดว่าน้ำท่วมเหรอ เขาจะฆ่าคุณเพราะคุณออกมาเรียกร้องให้เขารักษาคำพูดเหรอ ไม่หรอก เพราะเขากินเงินเดือนจากภาษีของคุณอยู่ ถ้าเขาไม่ทำสิ่งที่เขาสัญญาว่าจะทำ คุณว่าผมผิดหรือเขาผิด

อันนี้คือข้อเท็จจริงที่พวกคุณไม่รู้นะ คุณถูกครอบมาหลายรุ่นจนกระทั่งคุณเคยชิน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ตาม คุณมีสิทธิ์พูดเมื่อเขาไม่ทำตามสัญญา

เวลาที่เรากลัว เราจะกลับไปอยู่ที่เดิม ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม ถ้าคุณยิ่งกลัว ประเทศมันก็ยิ่งหายนะ ถ้าเรามองในมุมส่วนตัว แล้วหลีกเลี่ยงที่จะไม่สื่อสาร เราปลอดภัย แต่เวลาที่เราปลอดภัยแล้วประเทศรอดหรือเปล่าก็ไม่แน่ มันจะต้องคิดดีๆ ว่าเราอยากให้มันเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่พูด อนาคตก็จะเหมือนเดิม ต่อไปก็ชัดเจนแล้วว่าประเทศนี้มันไม่ดีขึ้นก็เพราะคุณ เพราะคุณไม่พูด

หมายความว่าต้องการให้ประชาชนลุกขึ้นมาทวงสัญญา?
ผมอยากให้เรามีจุดยืนที่ทุกคนต้องรักษาสัญญา รัฐ รัฐบาล กทม. ผู้ที่เป็นฝ่ายบริหารบ้านเมือง ทุกคนมีคำสัญญากับประชาชนในระดับหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะพูดออกมาหรือเปล่า เขาเข้ามาบริหารจัดการดูแลประเทศนี้ บ้านเมืองนี้ เขาต้องรักษาสัญญา โดยเฉพาะผู้ว่าฯ กทม. และคนใน กทม. เพราะเขาเป็นคนที่รับผิดชอบโดยตรงกับเรื่องนี้ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาจะหย่อนยานไม่ได้

เมืองนี้มีเรื่องที่ต้องทำเยอะ ขยะ พลังงาน น้ำ น้ำใช้ น้ำทิ้ง มีเรื่องที่ต้องจัดการเยอะมาก แต่เรื่องที่ต้องจัดการไม่มีใครทำ ไม่รู้ว่าชาติหน้าหรือชาติไหนถึงจะมี

ผมไม่ได้พูดด้วยทัศนคติ กรุงเทพฯ ไม่จำเป็นต้องน้ำท่วม นั่นคือข้อเท็จจริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook