กรมชลฯระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม 2,700 ลบ.ม.ต่อวินาที

กรมชลฯระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม 2,700 ลบ.ม.ต่อวินาที

กรมชลฯระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม 2,700 ลบ.ม.ต่อวินาที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยายังน่าเป็นห่วง ล่าสุดเขื่อนเจ้าพระยาไม่สามารถฝืนรักษาอัตราระบายน้ำไว้เท่าเดิมได้แล้ว กรมชลประทานจึงประกาศเพิ่มอัตราการระบายน้ำเป็น 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่กรมชลประทานต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม เป็นเพราะฝนที่ตกลงมารอบใหม่นี้ เป็นตัวแปรสำคัญ ทำให้น้ำเหนือที่ไหลมาสมทบค่อนข้างมาก และแน่นอนว่าการที่เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นอีก 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้ระดับน้ำพื้นที่ท้ายเขื่อน เพิ่มสูงขึ้นอีกราว 25 เซนติเมตร

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองจังหวัดนครสวรรค์ ยังคงมีปริมาณค่อนข้างมากถ้าเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว วันนี้แตะอยู่ที่ 3,054 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สาเหตุเป็นเพราะช่วง 3-4 วันก่อนหน้านี้ ยังมีฝนตกลงมาสะสมในพื้นที่จังหวัดตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก ค่อนข้างมาก ทำให้น้ำที่ไหลมายังจังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณสูงขึ้นต่อเนื่อง

แต่น่าสนใจว่าพื้นที่ด้านล่างสถานีวัดน้ำ C2 จังหวัดนครสวรรค์ ที่จะไหลไปที่เขื่อนเจ้าพระยา อย่างเช่นที่ อ.พยุหะคีรี และ จังหวัดอุทัยธานี ก็มีฝนตกหนักเช่นกัน นั่นหมายความว่า หากกรมชลประทานยังรักษาอัตราการระบายน้ำไว้เท่าเดิม คือ 2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จะมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจจะไหลเข้าเขตพื้นที่เศรษฐกิจจังหวัดชัยนาท

ดังนั้นวันนี้กรมชลประทานจึงประกาศว่าจะเพิ่มอัตราการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มวันนี้ โดยจะค่อยๆปล่อยเพิ่ม เป็น 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในวันพรุ่งนี้เช้า และแน่นอนว่าทุกๆการปล่อยน้ำเพิ่มอีก 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พื้นที่ท้ายเขื่อนระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก 25 เซนติเมตร

ดังนั้นพื้นที่ท้ายเขื่อน ไล่ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อ.อินบุรีย์ จ.สิงห์บุรี ไปจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมชลประทานขอให้เตรียมตัวรับปริมาณน้ำที่จะสูงขึ้นด้วย ส่วนที่เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา กรมชลประทานมั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมคันดินที่ทำไว้ โดยคาดการณ์ว่าระดับน้ำที่นี่จะเพิ่มสูงขึ้นเพียง 15 เซนติเมตร ซึ่งอยู่ต่ำกว่าคันที่ที่จังหวัดเตรียมไว้

ขณะที่นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทานที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในต.เชียงรากใหญ่ จ.ปทุมธานี ก็ระบุว่าที่จังหวัดชัยนาท และจังหวัดสิงห์บุรี ยังพอมีทุ่งที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว ดังนั้นการปล่อยน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม น่าจะไม่มีผลกระทบมากนัก

ส่วนมาตรการระบายน้ำหลังจากนี้ กรมชลประทานยังยืนยันจะใช้วิธีตัดทอนน้ำออกฝั่งซ้าย ขวา โดยเฉพาะทางฝั่งพื้นที่ตะวันออก กรมชลประทานมีแผนระบายน้ำผ่านคลองระพีพัฒน์เพิ่มมากขึ้นอีก 10-20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งน้ำจากคลองนี้ จะถูกส่งต่อมาทางคลอง 13, รังสิต และไปออกทางแม่น้ำบางปะกง เพื่อลดผลกระทบทางฝั่งพระนครศรีอยุธยา

อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาไปที่ พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอีกเพียงแค่ 25 เซนติเมตรตามที่กรมชลประทานคาดการณ์ไว้หรือไม่ แต่ล่าสุดกรมชลประทานก็เตือนแล้วว่าพื้นที่ไหนที่คันกั้นน้ำต่ำกว่า 30 เซนติเมตร ขอให้เสริมคันดินขึ้นอีกเพื่อเตรียมรับมือกับน้ำที่จะลงมาถึง ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรมชลประทานมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook