ย้อนรอย 90 วัน ผอ.อ้อย หายตัวลึกลับ วันนี้คลี่คลายทั้งน้ำตา

จากการติดตามการค้นหา ผอ.อ้อย หลังหายตัวไปอย่างลึกลับนานกว่า 90 วัน ครอบครัวและญาติได้พยายามแกะรอยหวังจะได้พบหน้าลูกสุดที่รัก ไม่ว่าจะด้วยการสืบเสาะหาเบาะแสจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือจะเป็นทางไสยศาสตร์ความเชื่อต่างๆ ครอบครัวทำทุกวิถีทาง ความรักความพยายามความเพียร จุดเริ่มต้นจึงพบจุดคลี่คลายทั้งน้ำตา 

ย้อนรอยคดีฆาตกรรมอำพรางศพของ ผอ.อ้อย น.ส.จุฑาภรณ์ อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

3 ก.ค.  น.ส.จุฑาภรณ์ อายุ 37 ปี หรือ ผอ.อ้อย ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หายตัวจากบ้านไปอย่างปริศนา ครอบครัวเป็นห่วงอย่างมากเกรงจะเกิดเรื่องอันตราย เดินหน้าเข้าแจ้งความเพื่อออกติดตามหาลูกสาว 

16 ส.ค. นายบุญเลิศ อายุ  62 ปี และนางแหลม อายุ 60 ปี พ่อแม่ของ ผอ.อ้อย วอนขอให้ รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี และคณะได้ช่วยติดตามหาตัวของ ผอ.อ้อย ให้ด้วย หลัง รองผบ.กกล.สุรนารี บินให้กำลังใจครอบครัว

17 ส.ค. มีการแจ้งเบาะแสพบศพถูกเผาในป่าอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่และครอบครัวได้เดินทางมายังจุดที่พบศพถูกเผา ต่อมาสามีของผอ.อ้อย ระบุว่าจากหลักฐานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ดูจากบริเวณดังกล่าว ไม่ใช่ศพของภรรยาของตัวเอง 

18 ส.ค. พ่อ ผอ.อ้อย เชื่อการปล่อยกู้เงินมีส่วนเป็นเหตุให้ ผอ.อ้อย หายตัวไปอย่างปริศนา นายบุญเลิศ ได้เผยกับสื่อว่า เชื่อสาเหตุที่ลูกสาวหายตัวไปนั้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากลูกสาวใจดีเกินไปและไว้ใจลูกหนี้ ให้ยืมเงินไปครั้งละมากๆ ตอนแรกอาจจะส่งคืน แต่ด้วยจำนวนเงินที่มากขึ้น ประกอบกับตัวเองต้องสร้างบ้าน อาจจะมีการทวงกัน หรือ มีส่งคืนไม่ตรงเวลา โดยเงินที่ให้หยิบยืมไปนั้นก็เป็นเงินที่กู้มาเพื่อสร้างบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จ

19 ส.ค. สามี ผอ.อ้อย  เดินทางไปบริเวณอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี เป็นการเดินบุกป่าเป็นระยะทาง ประมาณ 5 กม. เข้าไปยังพลาญตอกเลข ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนลาว เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าศพหญิงนิรนามที่ห่อด้วยพลาสติก เป็นศพภรรยาของตนหรือไม่ 

21 ส.ค.  ญาติของ ผอ.อ้อย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยติดตามการหายตัวไปของลูกสาว เพราะกังวลว่าเรื่องจะเงียบหาย เพราะคดีเกี่ยวข้องนายทหาร จึงต้องการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงยุติธรรม และ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เร่งรัดการดำเนินคดี

23 ส.ค. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนครราชสีมา ตรวจพบคราบเชื้อราคล้ายคราบเลือดบนเบาะรถของ ผอ.อ้อย ที่หายตัวไปลึกลับ รถดังกล่าวเป็นรถที่ยึดได้จากอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่า คราบที่เบาะรถของ ผอ.อ้อย ไม่ใช่คราบเลือดตามที่มีการสงสัยกันแต่อย่างใด

27 ส.ค. ญาติขอทำตามความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์ เพื่อติดตามหาตัว ผอ.อ้อย โดยการนำร่างทรงทำพิธี ซึ่งในตอนนั้นร่างทรงได้ร้องไห้คร่ำครวญคล้ายกับว่ามีวิญญาณของ ผอ.อ้อยมาเข้าร่าง และแจ้งกับญาติพี่น้องว่าหนาวมากขอให้ช่วยนำตัวกลับบ้าน พร้อมกับบอกว่าอยู่ในน้ำเป็นปล่องน้ำไหล ขอให้นำตัวกลับบ้านด้วยและชี้มือไปทางทิศตะวันออก

เมื่อครอบครัวทำทุกอย่างเพื่อขอให้ได้พบเจอตัวลูกสาวหรือรู้แหล่งเบาะแสเพื่อการติดตาม   

28 ส.ค. แม่ผอ.อ้อย ไม่สิ้นหวังลุยหาลูกแม้หมดเงินแล้วกว่า 2 แสนบาท ขณะที่พ่อขอบคุณดีเอสไอ ช่วยส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมสอบสวน

4 ก.ย. หญิงอ้างเป็นร่างทรง แจ้งเบาะแส ผอ.อ้อย คนมีสีเผานั่งยาง ชิ้นส่วนอยู่สกลนคร  หญิงดังกล่าวอายุประมาณ 40 ปี โทรศัพท์มาแจ้งข่าวเรื่อง ผอ.อ้อย แก่ผู้สื่อข่าว จ.สกลนคร โดยบอกว่า ผอ.อ้อยมาบอกให้ไปช่วย ตอนนี้ชิ้นส่วนที่เหลือจากการเผานั่งยางของ ผอ.อ้อย คือส่วนขา แขน และหัว อยู่ในถุงดำ หน้าโรงเรียนสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นป่าหญ้าหรือเป็นต้นไม้ ก่อนที่ ผอ.อ้อยจะเสียชีวิต โดนตบและเอาปืนตีหัว

6 ก.ย.  นายบุญเลิศ และ นางแหลม พ่อแม่ของ ผอ.อ้อย ทำบุญอุทิศส่วนกุศลเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 37 ปี หลังลูกสาวหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.60 หลังไปส่งลูกสาววัย 8 ขวบที่โรงเรียนอนุบาล

8 ก.ย. ความหวังครั้งใหม่ที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ญาติตั้งรางวัล 1,000,000 บาท ตามหา ผอ.อ้อย พบขณะยังมีชีวิต หากพบศพรับ 300,000 บาท

19 ก.ย. พ่อแม่ ผอ.อ้อย บุก สภ.กันทรลักษ์ รอพบผู้กองเหน่ง ขอให้บอกที่ซ่อนตัวของลูกสาว หลังนายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัวผู้กองเหน่งไปพบพนักงานสอบสวน และเนื่องจากมีญาติของ ผอ.อ้อย มารวมตัวกันจำนวนมาก ตำรวจจึงต้องระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชายและหญิงกว่า 50 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย 

17 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้ง 8 ข้อหาผู้กองเหน่ง พ่อแม่ ผอ.อ้อย คัดค้านการประกันตัว 

จากการพยายามตามหา ผอ.อ้อย เป็นระยะเวลาร่วม 3 เดือนของครอบครัว ไม่ว่าจะข่าวร้ายอย่างไรพ่อแม่รับได้หมด ขอเพียงให้รู้และหากจะเป็นการลาจากตลอดกาล ก็ขอให้นำคนผิดมาลงโทษให้ได้ และความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล  

23 ต.ค. จากกรณีที่พ่อแม่ ญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อย ได้ติดตามหาหลังจากหายตัวไป ล่าสุดการค้นหาเริ่มคลี่คลายเมื่อพบศพที่เชื่อได้ว่าเป็นศพของ ผอ.อ้อย ถูกทิ้งอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ กองร้อยทหารพรานที่ 2305 อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พบหัวกะโหลกศีรษะมนุษย์ ห่างไปประมาณ 70 เมตรพบกระโปรงผู้หญิงสีน้ำตาล คาดว่าเป็นกระโปรงของเครื่องแบบข้าราชการถูกทิ้งอยู่บนพื้น มีคราบเศษดินและใบไม้ปกคลุมอยู่ นอกจากนี้ยังพบนาฬิกาสายข้อมือสีดำคล้ายกับนาฬิกาข้อมือของ ผอ.อ้อย ใส่ถ่ายภาพเมื่อครั้งยังมีชีวิต 

เป็นการคลี่คลายทั้งตาของครอบครัว รอเพียงการตรวจดีเอ็นเอเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะฟันธงแน่ๆ แล้วว่าศพดังกล่าวคือ ผอ.อ้อย