เสียงจาก 3 รุ่น ถึงในหลวงรัชกาลที่ 9

ท่ามกลางประชาชนที่หลั่งไหลเฝ้ารอเป็นส่วนหนึ่งในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ บริเวณรอบนอกท้องสนามหลวง ประชาชนที่อยู่ในบริเวณงานได้เผยความรู้สึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นตัวแทนของประชาชน 3 ช่วงอายุ ที่ภูมิใจที่ได้เกิดในผืนแผ่นดินไทย

คุณยายวนิดา คล้ายพารี

“วันนี้ถึงแม้จะป่วยแต่ก็ตั้งใจเดินทางมา เพราะยายภาคภูมิใจที่ได้เกิดในแผ่นดินของท่าน ได้กราบท่าน และมีพระบารมีของท่านคุ้มครอง สำหรับวันนี้ตัวยายเองรู้สึกตื้นตันที่สุด ทุกๆ คนที่เดินทางมามีกำลังใจอันเดียวกัน สมกับที่ทุกคนพูดว่า พระองค์ท่านคือพ่อของแผ่นดิน”

“ถ้าหากพูดได้ ก็อยากจะบอกกับพระองค์ท่านว่า ในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่ทำได้เหมือนพระองค์เลย และหลังจากนี้อยากให้ทุกคนในครอบครัวดูแลกันให้ดี หากเป็นคุณยายก็ดูแลลูกหลาน หากเป็นพ่อแม่ก็ดูแลลูก ไม่ต้องให้รวยแต่ขอแค่เป็นคนดี ทำเพื่อทุกๆ พระองค์ ถ้าหากจะทำอะไรไม่ดีก็ให้ยึดท่านไว้ในหัวใจ”

 

น.ส.เกศกนก ปักกระโทก และนายสุทธิรักษ์ สาพิมพ์

“วันนี้ก็ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราได้มาน้อมส่งพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัย จึงอยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ท่านให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถึงแม้จะเจอฝนตก แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าการเดินทางมาหาพระองค์ท่านลำบากเลย เพราะในหลวงรัชกาลที่9 ท่านทรงลำบากตรากตรำเพื่อประชาชนคนไทยมามากกว่านี้เยอะ ดังนั้นสิ่งที่เราเจอจึงถือว่าน้อยนิดมากหากเทียบกับสิ่งที่ท่านทำให้คนไทย”

“พระราชกรณียกิจต่างๆ ที่พระองค์ท่านได้ทำ ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศ ตั้งแต่เราเกิดมาก็เห็นพระองค์ท่านทำเพื่อเรามาโดยตลอด หากสามารถบอกกับพระองค์ท่านได้ ก็อยากจะบอกว่า เราจะทำตามคำที่พ่อสอนทุกๆ อย่าง และดำเนินตามรอยพ่อ จะนำทุกๆ คำสอนของพ่อไปปฏิบัติ รวมถึงตั้งปณิธานความดีเพื่อพ่อต่อไป”

 

น.ส.โสรยา วังหินกอง และ น.ส.ศิริพร แก้วเพ็ชร นักเรียนจิตอาสาจากโรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ

“วันนี้เราสองคนได้มีโอกาสมาร่วมทำหน้าที่จิตอาสาฝ่ายบริการ ซึ่งสาเหตุที่เราเลือกที่จะลงชื่อมาทำหน้าที่จิตอาสาในวันนี้ก็เพราะ เราถือว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราสามารถทำอะไรเพื่อพ่อหลวง เราเกิดในรัชกาลที่9 เราก็อยากทำความดีตอบแทนที่พระองค์ได้มอบสิ่งต่างๆ ให้กับเราคนไทย และทำเพื่อบ้านเมืองของเรา”

“หลายคนอาจจะมองว่าเด็กรุ่นหลังจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่านทำพระราชกรณียกิจ แต่เราก็สามารถซึมซับความรักที่มีต่อพระองค์ท่านได้จากพ่อแม่ ได้จากโรงเรียน หรือได้ดูจากข่าวต่างๆ ซึ่งพอได้เห็นวิ่งที่พระองค์ท่านทำ เราจึงได้รู้ว่าพระองค์ท่านเหนื่อยกว่าเรามาก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้การทำงานของเราในวันนี้ไม่มีความรู้สึกว่าเหนื่อยเลย”

“วันนี้ก็เหมือนกับความฝันที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เรารู้สึกเสียใจที่พระองค์ท่านจากไป แต่ถึงอย่างนั้นแล้วคนไทยเราก็ต้องรักกัน เราไม่อยากให้คนไทยต้องทะเลาะกันอีก อยากให้คนไทยรักกันเหมือนภาพที่เห็นในวันนี้ อยากให้รักกันแบบนี้ตลอดไป สุดท้ายหนูอยากขอบคุณที่พระองค์ท่านทำทุกๆ อย่างเพื่อลูกหลานชาวไทย ขอบคุณที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยประชาชนคนไทยมาโดยตลอด ขอบคุณมากค่ะ”