ผู้เชี่ยวชาญฟันธง สถานการณ์น้ำเมืองกรุงฯ ไม่ท่วมซ้ำรอยปี 2554

ถึงแม้ว่าตอนนี้ชาวกรุงเทพมหานครจะสัมผัสได้กับอากาศหนาว แต่หลายต่อหลายคนก็ยังคงเป็นห่วงเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ยังอยู่ในภาวะวิกฤต บางพื้นที่น้ำท่วมนานนับเดือน และหลายวันที่ผ่านมาที่ข่าวลือ ออกมาเป็นจำนวนมาก วันนี้ทีมข่าวพีพีทีวีจะพามาวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่าเป็นเช่นไร

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีมกรุ๊ป เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า ตอนนี้ฝนในภาคเหนือภาคกลางนั้นหยุดแล้ว ตอนนี้ร่องความกดอากาศต่ำอยู่ที่ จ.สงขลา ส่วนฝนที่เกิดขึ้นในตอนนี้เกิดขึ้นเพราะอากาศชนกันจากอากาศเย็นจากประเทศจีนชนกับอากาศที่อุ่นกว่าไม่ต้องตกใจไป

ตอนนี้เมื่อฝนหมดไป เหลือแต่ “น้ำ” ที่ยังคงค้างอยู่ ตอนนี้น้ำที่ไหลมาสบทบที่จ.นครสวรรค์ ซึ่งปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสูงสุดนั้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว มาจากปริมาณฝนที่ตกลงมาจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ที่ไหลมารวมกันที่จ.นครสวรรค์ โดยระดับสูงสุดผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีแต่ลดลง

ในการระบายน้ำจากการเข้าคลองต่างๆ เช่น คลองชัยนาท คลองป่าสัก คลองระพีพัฒน์ รวมทั้งคลองรังสิตใต้ซึ่งเป็น 1 ใน 12 พื้นที่แก้มลิง หลายคนอาจจะสังเกตว่าปริมาณน้ำที่ระบายเข้ามาในคลองนั้นลดลง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีฝนตกแล้วกรมชลประทานก็จะขอเปิดน้ำเข้าอีกนิดนึงเพื่อเก็บน้ำไว้ เพื่อที่จะให้จังหวัดที่ท่วมมาก่อน น้ำจะได้เริ่มแห้งบ้าง

ขณะที่ข้อความที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ให้ชาวบ้านที่รังสิตนั้นเตรียมพร้อมรับมือนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีมกรุ๊ป อธิบายว่า ข้อความที่แชร์นั้นเป็นข้อความที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ซึ่งในปีนี้น้ำจะไม่ได้มีสถานการณ์น้ำมากมายเช่นในปีนั้น ตอนนี้มวลน้ำทั้งหมดสามารถควบคุมได้ ตอนนี้น้ำก็อยู่ในคลองรังสิต และก็แยกไปตามคลองต่างๆ ซึ่งจะเป็นคลองที่กักน้ำไว้และปล่อยส่วนหนึ่งไปยังแม่น้ำบางปะกง และส่วนหนึ่งไปคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตเป็นทางระบายน้ำ และรองรับปริมาณน้ำที่ไหลมาจากทิศเหนือลงสู่ทะเลอ่าวไทย

หลังจากวันนี้ในคลองรังสิตถึงแม้จะมีน้ำเหนือลงมาก็ไม่ได้รับผลกระทบเพราะจะระบายลงได้ทัน ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปริมาณน้ำก็ยังล้น ตอนนี้ประชาชนต้องระวังข้อความที่เคยแชร์กันเมื่อ 2554 ก็จะกลับมาทำให้ประชาชนตื่นตระหนกอีกครั้ง

หากเปรียบเทียบข้อมูลแผนที่ดาวเทียมจากจิสด้า เปรียบเทียบพื้นที่น้ำในทุ่งรายจังหวัดภาคกลาง โดยตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค. ปี 2554 นั้นมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 11.1 ล้านไร่ ส่วนแผนที่ตั้งแต่วันที่ 1-23 ต.ค. ปีนี้มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 1.3 ล้านไร่ ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ปริมาณน้ำต่างกัน

โดยน้ำที่ไหลผ่านสถานีจังหวัดชัยนาทนั้นในปี 2554 นั้นขึ้นจนเกินขนาดความจุนานกว่า 2 เดือนจนทำให้ทะลักเข้าคลองต่างๆ นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อมูลที่ถูกแชร์กันผิดๆ ในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อมูลจากปี 2554 แต่ปีนี้น้ำที่ไหลผ่านสถานีจังหวัดชัยนาท มีการไต่ระดับตั้งแต่เดือน ต.ค. แต่ไม่เกินความจุของสถานี และสูงสุดเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมาและไม่ได้แตะความจุสูงสุดของสถานี

ขณะที่ปริมาณน้ำที่สถานี อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2554 กับ ปี 2560 ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน ไหลมารวมกัน ถึงแม้ว่าในตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาระดับน้ำอยู่ในระดับที่ไร่เรี่ยกัน แต่ในเดือน ส.ค.ของปี 2554 เมื่อเทียบกับปีนี้มีระดับที่สูงกว่าและสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงเดือน ต้นเดือน ต.ค. ในปี 2554

แต่ของปี พ.ศ.2560 ระดับน้ำที่จุดนี้เริ่มสูงขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. ไล่ตั้งแต่มีพายุเซินกาเป็นต้นมา โดยปริมาตรน้ำนั้นแตกต่างกันอยู่ 10,601 ล้าน ลบ./ม. ถึงแม้ว่าปริมาณฝนนั้นใกล้เคียงกัน แต่ปีนี้มีระบบการจัดการน้ำ ที่ปล่อยน้ำให้ลงทะเลให้มากไว้ก่อน

และหลังจาก 15 ก.ย. 60 ได้มีการเกี่ยวข้าวในทุ่งแล้ว ก็จะมีการปล่อยน้ำในทุ่งไปจำนวนมาก ส่วนปี 2554 นั้นเป็นเรื่องของการจัดการน้ำที่เพียงพอ และตอนนั้นมีพายุเข้ามา 3 ลูก เข้ามา 7 วัน ทำให้ฝนตก 400 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นในปีนั้น ความแปรปรวนของอากาศนั้นเป็นส่วนสำคัญ ปีนี้น้ำมากแต่น้ำค่อยๆ มา

“ตัวชี้วัดว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ไหม ขึ้นอยู่กับน้ำทะเลหนุน ทุกวันนี้ก็ยังไม่สูง ส่วนช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงและน้ำจากเหนือไหลลงมาจากบางไทร ก็จะอยู่ในช่วง 26 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว และอีกช่วงที่จะเจอคือ 30 –ต.ค. -2 พ.ย. เมื่อน้ำทะเลหนุนบวกกับเจอน้ำเหนือไหลลงมา มันก็จะมาบวมอยู่แถวๆ กรุงเทพ คือตั้งแต่ปากเกร็ดลงไปถึงสะพานพุทธ แล้วก็ไปปากแม่น้ำเลย ตอนนี้ประเมินว่ามันจะยังอยู่ข้างนอกคันกั้นน้ำอยู่ และท่วมปกติในพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ แล้วก็จะลงก่อนจะหนุนสูงอีกและสูงสุดในวันที่ 8 พ.ย.อีกครั้ง ส่วนช่วงลอยกระทงก็จะอยู่ในเขตคันกั้นน้ำพอดีไม่ได้ล้นตลิ่ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีมกรุ๊ป อธิบาย