ช็อตต่อช็อต ตำรวจเผยวงจรปิด คดีสาวใช้เมียนมาดับปริศนา

ช็อตต่อช็อต ตำรวจเผยวงจรปิด คดีสาวใช้เมียนมาดับปริศนา

ช็อตต่อช็อต ตำรวจเผยวงจรปิด คดีสาวใช้เมียนมาดับปริศนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่ นางสาวหวาน อายุ 17 ปี สาวชาวเมียนมา เสียชีวิตภายในบ้านของนายจ้าง ถนนปากแรต ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อ เวลา 17.20 น. ของวันที่ 6 ส.ค.60 ภายในที่เกิดเหตุพบอาวุธ ปืนแม็กกาซีน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

ต่อมานางพิละ แม่ของผู้ตาย และ นางสาววา อายุ 21 ปี พี่สาวของผู้ตายเดินทางไปพบนายคอ คอ ไน สถานทูตเมียนมา เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมและไม่เชื่อว่านางสาวน้ำหวานผู้ตายฆ่าตัวตายเอง จึงได้ปรึกษานายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความชื่อดัง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งมีหลักฐานหลายอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าตัวตาย

โดยเฉพาะความถนัดของนางน้ำหวานที่เป็นคนถนัดซ้าย แต่ปืนยิงเข้าที่ขมับขวา รวมไปถึงอาวุธปืนที่มองดูแล้วไม่ตรงกัน จากนั้นภาพเป็นปืนกระบอกสีดำ แต่ภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงเป็นกระบอกสีน้ำเงิน และข้อพิรุธอีกหลายอย่าง จึงเข้าร้องเรียนกองปราบปรามเพื่อขอให้รื้อคดีนี้ทั้งหมด

ล่าสุด (2 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 และพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง ตั้งโต๊ะแถลงตอบข้อซักถามจากทุกประเด็นที่ทางนายคอ คอ ไน สถานทูตเมียนมา รวมไปถึงนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ แม่ พี่สาว และสื่อมวลชนสงสัย

นายคอ คอ ไน เจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมา ได้ตั้งข้อซักถามกับเจ้าหน้าที่รวมแล้ว 15 ประเด็น ประเด็นหลักที่สงสัยคือ การใช้อาวุธปืนด้วยความถนัดของนางสาวน้ำหวานที่เป็นคนถนัดซ้าย สีของปืนที่พบไม่ตรงกับที่ตำรวจแจ้ง การที่ไม่ยอมให้ตนเข้าฟังการสืบสวน รอยยับที่โซฟาที่ตนสงสัยว่าน่าจะมีการต่อสู้หรือมีคนนั่ง และประเด็นที่สงสัยว่าผู้ตายถูกข่มขืนและถูกฆ่าหรือไม่

พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เปิดประเด็นคำชี้แจงถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันเกิดเหตุ ยืนยันว่าตำรวจทำงานตามกฎหมายทุกประการ ยืนยันตามผลตรวจพิสูจน์ จากผล DNA ที่พบว่าที่กระบอกปืนมีผล DNA ของผู้ตายเพียงคนเดียว

โดยที่ผลการตรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้แจ้งมาว่า ปืนที่อยู่ในที่เกิดเหตุและปืนที่ส่งพิสูจน์หลักฐานเป็นปืนกระบอกเดียวกันมี DNA ของผู้ตาย แม้กระทั่งแม็กกาซีนของปืนก็มี DNA ของผู้ตายเพียงผู้เดียว

ส่วนผู้ที่อยู่ภายในบ้าน กองพิสูจน์หลักฐานก็ได้เก็บ DNA ของทั้งหมดไปเปรียบเทียบซึ่งก็ไม่พบตามที่กองพิสูจน์หลักฐานรายงานมา ไม่พบ DNA คนในบ้านที่ปืน และที่มือของผู้ตายก็มีคราบเขม่าดินปืนเพียงผู้เดียว ของผู้อื่นที่อยู่ในบ้านก็ไม่มี

ทั้งนี้ หากทางเจ้าหน้าที่สถานทูตและทนายความต้องการให้ตำรวจขุดศพส่งโรงพยาบาลนิติเวช ซึ่งทางตำรวจก็ยินดีที่จะให้ ความกระจ่างแก่ญาติของผู้ตายเพื่อคลายความสงสัยทุกประการ

จากนั้นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานซึ่งเป็นผู้เก็บปืนและเก็บรายละเอียด การจำลองวิถีกระสุนปืนในคดี ลุกขึ้นแถลง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเปิดภาพและข้อความบรรยายสรุปรายละเอียด ขั้นตอนที่เป็นการจำลองวิธีการยิงตัวตายของนางสาวน้ำหวาน

ซึ่งได้มีการนำอาสาสมัครผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงใกล้เคียงกับผู้ตายมาเป็นหุ่นในการจำลองเหตุการณ์ พร้อมทั้งนำอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นปืนของนายจ้างที่ตกอยู่หว่างขาของผู้ตายมาสาธิตวิธีการจับ และวิธีการยิง ซึ่งความถนัดจริงจะอยู่ที่มือซ้ายตามที่เจ้าหน้าที่ทูตเมียนมาและญาติสงสัย

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้สาธิตการจับที่คาดว่าจะเป็นลักษณะการจับจริงของผู้ตาย ที่จับพร้อมกันสองมือ โดยนั่งอยู่ที่บริเวณพื้นด้านล่างติดกับมุมโซฟานั่ง และหันหน้าไปทางประตู ที่คาดว่าจะเป็นการสังเกตว่าจะมีใครมาพบเห็นหรือไม่ เมื่อผู้ตายตัดสินใจได้แล้วจึงยิงทันที

ซึ่งนัดแรกสันนิษฐานว่าผู้ตายคงจะทดลองยิงเนื่องจากไม่เคยใช้ปืน เมื่อยิงได้จึงยิงซ้ำเข้าที่ขมับตนเองและกระสุนทะลุศีรษะไปฝังที่ขอบหน้าต่างที่เป็นอลูมิเนียมและฟุบลงกับพื้นเสียชีวิต ส่วนปืนได้หลุดจากมือตกที่หว่างขา

ทั้งนี้ นายคอ คอ ไน เจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมา และสื่อดังยังสงสัยถึงประเด็นกระสุนปืนลั่นออกสองนัดและการใช้ปืน เนื่องจากเป็นปืนออโตเมติกจะต้องใส่แม็กกาซีนและขึ้นลำ โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานคนดังกล่าว อธิบายว่า ปืนยี่ห้อนี้ใช้งานไม่ยากนัก เป็นปืนที่ต้องใส่แม็กกาซีนสมบูรณ์ระบบถึงจะทำงานเพียงแค่ขึ้นลำก็สามารถยิงได้ทันที

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะมีการใส่แม็กกาซีนไว้ในขณะนั้นรวมไปถึงขึ้นลำพร้อมยิงหรือไม่ จากการสอบถามกับทางเจ้าของ ก็ได้รับคำตอบว่าจำไม่ได้ แต่ทั้งนี้ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าผู้ตายดูหนังหรือเห็นนายจ้างนำออกมาใช่ก็สามารถใช้งานเป็นได้เช่นกัน

จากนั้นนายคอ คอ ไน เจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมา ได้ซักถามถึงเรื่องว่าได้มีการสอบปากคำใครหรือไม่ ทางพล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ชี้แจงว่า วันเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ที่อยู่ภายในบ้านทั้งหมดมีด้วยกัน 5 คน ประกอบด้วย นายเกรียงศักดิ์ นายจ้าง, ภรรยา, ลูกสาว และหลานสาว

รวมไปถึงผู้ตายที่กำลังทำงานอยู่ภายในห้องรีดผ้าที่เกิดเหตุดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดเผยคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของนายจ้าง ช่วงเกิดเหตุกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำหลังบ้าน ยืนยันในข้อที่เป็นประเด็นสงสัยว่านายจ้างตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ลงมือ

โดยภายในคลิปเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นเวลา 17.15 น. โดยประมาณ นายเกรียงศักดิ์ นายจ้างกำลังออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำภายในสระหลังบ้าน และเป็นปกติที่นายเกรียงศักดิ์ จะมาว่ายน้ำ แม้ในเวลานั้นฝนจะตกหนักก็ตาม

เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ซึ่งภรรยาของนายเกรียงศักดิ์ได้ยินเสียง จึงได้ให้ลูกสาววิ่งลงไปดู เพราะคิดว่านางสาวน้ำหวานผู้ตายทำอะไรตกหล่นเสียหายอีก เนื่องจากจะทำเป็นประจำและโดนดุบ่อยครั้ง เมื่อลงมาดูพบว่านางสาวน้ำหวานนอนเสียชีวิตจึงได้รีบโทรแจ้งที่ 191

แต่เนื่องด้วยระบบโทรศัพท์แจ้งไปยังภูธรจังหวัดคิดว่าจะช้า จึงได้โทรเข้าไปยังเบอร์ของ สภ.บ้านโป่ง ปรากฏว่าโทรไม่ติด จึงได้รีบขับรถยนต์ ซึ่งปรากฏภายในคลิปภาพ ออกไปแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่ง ด้วยความรวดเร็ว และกล้องได้บันทึกภาพได้ตลอดเวลา

ซึ่งขณะนั้นนายเกรียงศักดิ์ยังไม่ทราบเหตุการณ์ว่านางสาวน้ำหวานยิงตัวตาย เนื่องจากยังเล่นน้ำอยู่ภายในสระตามปกติประกอบกับฝนตก และเมื่อขึ้นจากสระเข้ามาภายในบ้านจึงได้ทราบว่านางสาวน้ำหวานได้นำอาวุธปืนของตนที่เก็บไว้ในห้องนอนมายิงตัวเองตาย

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้มีการเปิดคลิปภาพวินาทีที่นายเกรียงศักดิ์ ซึ่งเป็นนายจ้างและตกเป็นผู้ต้องสงสัยของญาติว่าเป็นผู้กระทำนั้น ปรากฏว่ากำลังว่ายน้ำอยู่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แต่อย่างไร ทำให้ นายคอ คอ ไน เจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมา ได้ทักท้วงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งไม่ตรงกับทางคลิปภาพที่ระบุไว้ว่า วันที่ 6 สิงหาคม ทาง พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จึงได้แจ้งตอบกลับว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 6 สิงหาคม จริง

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการชี้แจงตอบข้อซักถามในทุกประเด็นเสร็จแล้ว ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมาและครอบครัวผู้ตาย ยังติดใจสงสัยในหลายๆ ประเด็น จึงได้ขอให้ทางตำรวจเดินทางไปขุดศพของ น.ส.หวาน ซึ่งญาตินำไปฝังไว้ที่สุสานบ้านห้วยน้ำหนัก หมู่ 6 ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ชายแดนไทยติดกับประเทศเมียนมา และนำศพส่ง นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อทำการชันสูตรอย่างละเอียดทันที

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ช็อตต่อช็อต ตำรวจเผยวงจรปิด คดีสาวใช้เมียนมาดับปริศนา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook