โจรปล้นสำนึกผิด ขอตายหนีคดี ทิ้งจดหมายแจงทุกสิ่งเสร็จสรรพ
ตำรวจพบร่างผู้เสียชีวิตผูกคอตายในโกดัง พบเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุปล้นชิงทรัพย์เซเว่น 2 แห่ง พร้อมทิ้งจดหมายไว้ 4 แผ่น ชี้แจงทุกประเด็นเอาไว้เสร็จสรรพ
(10 พ.ย.) พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ระบุว่า หลังได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตผูกคอตายในช่วงเช้าวันนี้ ทราบชื่อคือ นายณัฐพงษ์ อายุ 29 ปี เสียชีวิตผูกคอที่โกดังเก็บของแห่งหนึ่งในซอยพัชราภา (วิภาวดี 70) จากการตรวจสอบพบจดหมายลาตายที่ผู้ตายเขียนทิ้งไว้ จำนวน 3 แผ่น
โดยในจดหมายดังกล่าวที่เนื้อหาใจความลักษณะขอโทษบุคคลใกล้ชิดหลายคนที่ได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดในการไปจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อทั้ง 2 แห่ง ตามที่ปรากฏในข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง และ สภ.คูคต
อีกทั้งยังตรวจสอบพบว่ารถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ในวันก่อเหตุเป็นของนายจ้าง รวมทั้งหมวกกันน็อกสีขาวที่ใช้สวมใส่ก็เป็นของพี่สาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บลอยนิ้วมือและดีเอ็นเอเอาไว้ทั้งหมด เพื่อใช้ตรวจเทียบกับ การตรวจดีเอ็นเอผู้ตาย เพื่อระบุยืนยันอีกครั้ง
ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ มีการระบุในจดหมายลาตายว่า ได้นำไปทิ้งหลังก่อเหตุ โดยไม่มีการระบุสถานที่เอาไว้ จากนี้ได้กำชับให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการเร่งหาอาวุธปืนที่คนร้ายใช้อีกครั้ง เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีเพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์
ขณะที่สาเหตุของการก่อเหตุและทรัพย์สินที่จี้ชิงทรัพย์มาได้นั้น ไม่ได้มีการระบุไว้ในจดหมายลาตายของผู้ตาย ซึ่งต่อจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการเรียกบุคคลใกล้ชิดทั้งหมดของผู้ตายมาสอบปากคำเพื่อตรวจสอบยืนยันอีกครั้ง
สำหรับจดหมายลาตายนั้น ถูกเขียนลงกระดาษเปล่า ด้วยลายมือจำนวน 4 แผ่น กล่าวถึงญาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ตายได้ยอมรับในความผิดที่ได้ก่อลงไป พร้อมกับบอกรักแม่และญาติพี่น้อง สั่งเสียให้ตั้งสวด 2 วันแล้วจึงเผาศพ สาเหตุที่ตัดสินใจผูกคอตายเพราะไม่อยากติดคุก ซึ่งมีโทษระวางถึง 15 ปี พร้อมบอกให้พี่ช่วยปลดหนี้อีกหลายคนร่วม 20,000 บาท และยังบอกตำรวจว่าปืนกับกระสุนหาซื้อมาเอง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใด ไม่ต้องสอบสวนขยายผล
ส่วนการสอบปากคำบุคคลใกล้ชิดของผู้ตายในจุดเกิดเหตุ ได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า หลังจากเกิดเหตุการจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อในช่วงกลางดึก ผู้ตายก็มีท่าทีที่แปลกไป ดูซึมลง ไม่ร่าเริ่งเหมือนก่อน ส่วนเวลาที่ผู้ตายลงมือผูกคอตายคาดว่าจะเป็นช่วงเวลา 04.00 น. ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งต้องรอผลการชันสูตรเพื่อยืนยันสาเหตุและเวลาการเสียชีวิตอีกครั้ง