หมอยอร์น รับทราบข้อหาชน รปภ. ต้นสังกัดยังไม่สอบวินัย

หมอยอร์น รับทราบข้อหาชน รปภ. ต้นสังกัดยังไม่สอบวินัย

หมอยอร์น รับทราบข้อหาชน รปภ. ต้นสังกัดยังไม่สอบวินัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"นพ.ปิยะสกล" ยังไม่ตั้ง คณะกรรมการสอบวินัย "หมอยอร์น" ขับรถชน รปภ. ชี้เป็นคดีอาญา ปล่อยเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน เมาหรือไม่ รอตรวจสอบ

(14 พ.ย.) นพ.ยอร์น สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ที่ ขับรถชน นายสมชาย ยามดี พนักงานรักษาความปลอดภัยกระทรวงสาธารณสุข จนบาดเจ็บสาหัส เมื่อคืน วันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา เดินทางมา รับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ เมาแล้วขับ และ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี

ขณะที่ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ยอร์น สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ขับรถชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำกระทรวงสาธารณสุข จนได้รับบาดเจ็บสาหัสว่า เรื่องนี้ นพ.ยอร์น ออกมายอมรับแล้ว และดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กรณีดังกล่าวเป็นคดีอาญาจึงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ส่วนจะตั้งกรรมการสอบทางวินัยหรือไม่นั้น ยังต้องพิจารณาก่อน เนื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกเวลาราชการ และส่วนตัวได้พูดคุยกับทางปลัดกระทรวงฯ เรียบร้อยแล้ว และได้สั่งการไปว่าให้ดูแลให้เต็มที่ ผิดก็ว่าไปตามผิด

ส่วนที่มีรายงานออกมาว่าวันเกิดเหตุ นพ.ยอร์น มีอาการเมาสุรา นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง เพราะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบสวน เพราะเป็นคดีอาญา กรณีดังกล่าว ส่วนตัวเป็นเจ้ากระทรวงฯ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ

ด้าน นายแพทย์สกุล สุขพรม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เปิดเผยถึงความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของนายสมชาย ยามดี พนักงานรักษาความปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ถูก นพ.ยอร์น จิระนคร ขับรถชนได้รับบาดเจ็บว่า จากการสังเกตอาการของคนไข้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่า อาการยังคงที่ สัญญาณชีพปกติ สามารถตอบสนองดีขึ้น โดยยกมือยกเท้าได้และชู 2 นิ้ว ได้โดยรวมสัญญาณตอบสนองทางสมองอยู่ในระดับดี แต่ยังไม่พ้นวิกฤต เนื่องจากยังไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเองต้องใช้ท่อช่วยหายใจ และต้องประเมินอาการต่อไปอีกว่า 1-2 สัปดาห์ ถ้าหากยังหายใจเองไม่ได้ก็จำเป็นต้องเจาะคอ

ทั้งนี้ยังพบว่าผู้ป่วย มีไข้สูง จึงต้องมีการปรับยาปฏิชีวนะ โดยอาการไข้อาจเกิดหลังจากการผ่าตัดหรือมาจากการติดเชื้อก็เป็นไปได้ทั้งนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเพาะเชื้อคาดว่าจะทราบผล 2-3 วัน อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลได้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook