แพทตี้ เปิดใจทั้งน้ำตา กลับมาไม่ทันดูใจคุณพ่อครั้งสุดท้าย
ขอแสดงความเสียใจกับนักแสดงสาว “แพทตี้ อังศุมาลิน” ที่สูญเสียคุณพ่อ “กิตติ์ธเนศ สิรภัทรศักดิ์เมธา” เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ในวัย 65 ปี โดยพิธีสวดอภิธรรมศพจัดขึ้น ณ ศาลา 12 วัดศรีเอี่ยม
โดยเมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ 14 พฤศจิกายน ถึงแม้สาวแพทตี้จะยังคงมีอาการโศกเศร้า แต่เจ้าตัวก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนพร้อมกับบอกว่า ในวันที่ตัวเธอเองจะต้องเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้าย โดยคุณพ่อบอกกับเธอว่า “เศร้านิดเดียวพอนะ” ซึ่งเธอก็จะพยายามทำให้ได้ตามที่คุณพ่อขอไว้
“ทางครอบครัวเพิ่งจะทราบว่าคุณพ่อป่วยเมื่อช่วงประมาณต้นปี จากนั้นเราก็รักษากันมาเรื่อยๆ แต่พอถึงเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนที่ผ่านมาคุณพ่อก็เริ่มมีอาการอื่นๆ ให้เห็นเช่น ท้องอืด ตัวเหลือง ไม่มีแรง ตอนนั้นเราก็รีบพาท่านไปส่งโรงพยาบาลและก็ให้ท่านอยู่ใกล้หมอ จนถึงวันที่ 6 ตัวหนูเองก็เดินทางไปญี่ปุ่น คือตอนแรกเหมือนว่าอาการของคุณพ่อจะดีขึ้น เพราะคุณหมอเขาได้ส่องกล้องและก็ผ่าตัดเล็กนิดหน่อย แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานก่อนที่หนูจะต้องเดินทางไปคุณพ่อก็ค่อยๆ ทรุดลง”
“ตอนนั้นก่อนที่จะเดินทางหนูก็ได้คุยกับพ่อ (ร้องไห้) ก็… คือเหมือนจริงๆ เราก็ทราบ เพราะก่อนที่จะไปคุณพ่อก็ทรุดประมาณหนึ่งแล้ว และจริงๆ ตอนนั้นก็ได้คุยกับคุณพ่อแล้วแหละ คือเราได้บอกแกทุกอย่างในสิ่งที่เราอยากบอก (ร้องไห้) พยายามบอกกับท่านทุกอย่างเพราะกลัวเหมือนกันว่าจะกลับมาไม่ทัน ช่วงที่อยู่ที่นั่นหนูก็วีดีโอคอลกับท่านทุกวัน แต่ว่าคุยได้แค่นิดเดียวเพราะว่าคุณพ่อจะเหนื่อย ซึ่งช่วงที่คุณพ่อเสียช่วงนั้นจริงๆ ทางบ้านจะมีกรุ๊ปแชทที่ตั้งเอาไว้เพื่อคุยกันในครอบครัว แต่ว่าวันนั้นทุกคนเงียบมาก เหมือนทุกคนไม่กล้าบอก เพราะปกติหนูจะถามทุกวันว่าคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง จากนั้นหนูก็เลยตัดสินใจโทรไปหาถึงได้ทราบว่าคุณพ่อจากไปแล้ว”
“จริงๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หนูไปโรงพยาบาลกับคุณพ่อตลอดทุกครั้งทุกอาทิตย์ที่คุณพ่อมีนัดตรวจ ดังนั้นหนูก็จะค่อนข้างทราบทุกอย่างว่าอาการของคุณพ่อเป็นแบบไหนอยู่ขั้นไหนแล้ว ก็ทราบตลอด จริงๆ ก็ทำใจมาสักระยะหนึ่งแล้วเพราะว่าท่านเป็นค่อนข้างรุนแรง แต่เราก็เป็นกำลังใจให้กันเสมอเป็นกำลังใจให้กันตลอด ทุกคนในครอบครัวอยากให้คุณพ่อสู้จนถึงที่สุด ช่วงที่ผ่านมาอย่างตอนที่คุยกัน คุณพ่อก็บอกว่า “เศร้านิดเดียวพอนะ” หนูก็จะพยายาม (น้ำตาคลอ)”
“การทำงานของหนูที่ญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมา สภาพจิตใจก็…พยายามทำให้ดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ เพราะเขาก็จ้างเราไปทำงาน เราก็ต้องให้เต็มที่เท่าที่เราจะทำได้ แต่ก็ไม่ทันได้มารดน้ำศพคุณพ่อเพราะหนูเพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน และเดินทางมาวันนี้วันแรก”
“ถามว่ายังมีอะไรที่ไม่ได้พูดไหม จริงๆ เราก็พูดคุยกันหมดแล้วนะคะในตอนที่คุณพ่อยังอยู่ หนูก็บอกกับท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วงลูกคนนี้นะ หรือว่าพี่ๆ น้องๆ คนอื่น เราใช้ชีวิตต่อไปได้อยู่แล้ว และเราก็จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ อย่างเมื่อสักครู่นี้ได้ไปเคาะโลงบอกกับคุณพ่อว่า หนูกลับมาแล้วนะ ไปทำงานกลับมาแล้ว เพราะว่าก่อนที่จะไปญี่ปุ่นได้บอกให้คุณพ่อรอก่อน”
“สภาพจิตใจของทุกคนตอนนี้ก็คงเหมือนกับหนู คือทุกคนทราบมาตั้งแต่แรกแล้ว และทุกคนก็พยายามทำให้ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างทางมีความสุข แม้จะมีอุปสรรคเข้ามาบ้าง แต่เราทุกคนพยายามทำให้พ่อมีความสุขที่สุด และเราเองก็เชื่อว่าคุณพ่อได้สู้แล้วเต็มที่จริงๆ ตอนนี้คุณพ่อก็คงได้ไปอยู่ในที่สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ทางพี่แดนเองก็ให้กำลังใจเยอะมาก คุยกันตลอด”
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ