อุบัติเหตุซ้ำซ้อน ปู่วัย 71 ซิ่งฝ่าไฟฉุกเฉิน ชนตำรวจตายในหน้าที่
ตำรวจจราจรยืนโบกให้รถคันหลังชะลอความเร็วหลังเกิดอุบัติเหตุ ปิกอัพวิ่งขับฝ่าสัญญาณไฟฉุกเฉินชนตำรวจจราจรซ้ำ ลากไปกลางถนนเสียชีวิต
เมื่อเวลา 21.00 น. (19 พ.ย.) ร.ต.ท.สุเมธ เสนากร ร้อยเวน สภ.เมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งเกิดเหตุกระบะชนกัน และเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองชัยภูมิ ถูกรถชนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ที่ถนน 201 บริเวณสามแยกบ้านหนองสังข์ หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ จึงรุดออกไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่สว่างคุณธรรมและแพทย์เวรโรงพยาบาลชัยภูมิ
ในที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิและเจ้าหน้าที่พยาบาล กำลังช่วยเหลือปฐมพยาบาลให้ ร.ต.ต.ปราโมทย์ คบหมู่ อายุ 40 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ จราจร สภ.เมืองชัยภูมิ นอนหมดสติอยู่หน้ารถกระบะ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน บท 5365 ชัยภูมิ สภาพใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยกันปั๊มหัวใจและนำตัวส่ง รพ.ชัยภูมิ เพื่อช่วยชีวิต กลางถนนใกล้กันพบ รถกระบะโตโยต้าสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ 4421 สระบุรี และรถกระบะสีบรอนซ์เงิน เชฟโรเลต ทะเบียน บบ 6847 ชัยภูมิ เฉี่ยวชนกันอยู่กลางถนน
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ได้เกิดเหตุรถกระบะชนกันที่ถนนสายเกิดเหตุ รถสายตรวจจราจรรุดออกไปบริการจัดการจราจร พร้อมนำสัญญาไฟไปติดตั้งกันเกิดเหตุซ้ำซ้อนในที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้นรถกระบะ โตโยต้าสีขาว มีนายซอน อายุ 71 ปี เป็นคนขับผ่านมาด้วยความเร็วสูง ฝ่าไฟสัญญาณจราจร มุ่งหน้าเข้าไปในจุดเกิดเหตุ และเป็นจังหวะเดียวที่ ร.ต.ต. ปราโมทย์ กำลังโบกให้สัญญาณให้จอด แต่ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวไม่ยอมจอดกลับเร่งเครื่องด้วยความเร็วพุ่งชน ร.ต.ต.ปราโมทย์ เข้าเต็มร่างแล้วลากร่างไปกับถนนจนกระเด็นล้มกลิ้งได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด และหมดสติ
เพื่อนตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างวิ่งเข้าไปช่วยเหลือพร้อมกับช่วยกันปั๊มหัวใจและเร่งนำตัวส่ง รพ.ชัยภูมิ พร้อมได้ควบคุมตัวนายซอน คนขับรถคันก่อเหตุไว้สอบสวนให้การรับสารภาพว่า ไม่ได้มีเจตนาจะขับรถชน ร.ต.ต.ปราโมทย์ หรือตำรวจคนอื่นๆ ขณะขับรถผ่านมาเห็นมีการตั้งด่านจึงได้ขับรถฝ่าด่านเพื่อจะเข้าไปในตัวเมืองชัยภูมิ และจากการตรวจปัสสาวะก็ไม่พบสารเสพติด
เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาขับขี่ยานพาหนะชนเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และ ขับขี่รถโดยประมาท ฝ่าสัญญาณจราจรไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้น คงต้องรอสอบปากคำเพิ่มเติมจากผู้ต้องหา และตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติมก่อน ยืนยันให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย