เพราะต้นทุนชีวิตไม่เหมือนใคร "ก้อย กชกร" สวย เก่ง สตรอง จากเด็ก ตจว. สู่แอร์โฮสเตส-นักแสดง

เพราะต้นทุนชีวิตไม่เหมือนใคร "ก้อย กชกร" สวย เก่ง สตรอง จากเด็ก ตจว. สู่แอร์โฮสเตส-นักแสดง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในยุคที่นักแสดงหน้าใหม่แจ้งเกิดผุดกันล้นวงการ ดารา-นักแสดง หลาย ๆ คนนอกจากจะผันตัวไปทำงานเบื้องหลังกันนั้นอาชีพ "แอร์โฮสเตส" หรือว่า "พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน" ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนดังหลาย ๆ คนยอมทิ้งวงการทำอาชีพนี้ อาทิ นิ้ง กุลสตรี, ตวง สาวิกา, มด โฟร์มด, ป๊อปปี้ 3.2.1 และอีกมายมาย

แต่ในทางกลับกันกับ "ก้อย กชกร แข็งขัน" ที่ก่อนหน้านี้เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงซีรี่ส์ "สงครามนางงาม2" และกำลังมีผลงาน "โสดสตอรี่ 2" ทางช่อง ONE  ค่อย ๆ เข้ามาโลดแล่นในวงการและปัจจุบันเธอก็ยังคงเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จากเด็กสาวต่างจังหวัดที่ต้นทุนชีวิตไม่ได้มีมากเหมือนใคร แต่เวลานี้เธอกลายเป็นหญิงเก่งทำงานสองบทบาทในเวลาเดียวกัน เธอทำได้อย่างไรและต้องแกร่งแค่ไหนไปฟังเธอเล่าเลยดีกว่า

สาวก้อยเล่าให้ทาง  Sanook News ฟังว่าเธอจะโดนปลูกฝังจากคุณพ่อที่มีอาชีพเป็นทหารและอยากให้เธอเจริญรอยตามในเส้นทางข้าราชการคือการเป็นพยาบาลทหาร แต่เธอรู้ตัวดีว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัด เพราะมีใจรักและชอบสายภาษาและเคยมีประสบการณ์เคยเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ซานฟรานซิสโกได้สัมผัสงานบริการดูแลลูกค้าจึงจุดประกายทำให้เธอค้นพบว่าแอร์โฮสเตสคือสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุด

"ตอนเด็กๆ ฝันเป็นแอร์เพราะคิดว่าแค่แต่งตัวสวยๆ ได้ท่องเที่ยวไปหลาย ๆ ที่ แค่เสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารไม่น่าจะยากอะไร แต่พอโตขึ้นมามันไม่ใช่อย่างที่คิดงานนี้ไม่ได้แค่แต่งยูนิฟอร์มสวยๆ การจะเป็นแอร์โฮสเตสมันมีอะไรที่ยากมาก แต่ก้อยค่อนข้างโชคดี มีรายการประกวดดิแองเจิ้ลก็เลยลองมาประกวดและก็ได้ตำแหน่ง ตอนประกวดว่ายากแล้ว แต่กว่าจะได้ติดปีกจริง ๆ มันยากมาก ๆ ประกวดกันเสร็จเราต้องไปเทรนด์อีก ซึ่งใช้เวลากว่าสามเดือน ต้องเทรนด์ทุกอย่างทั้งความรู้การปฐมพยาบาล ดับไฟ ลงน้ำ การช่วยเหลือผู้โดยสารเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน งานมันมีรายละเอียดหลายอย่างมาก ๆ ไม่ใช่แค่ใส่ชุดยูนิฟอร์มสวย ๆ อย่างที่คิดเลย"

เมื่อเล่าถึงความยากในงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแล้ว สาวก้อยได้เล่าต่อไปอีกว่า

"ช่วงเวลานั้นสาวก้อยเสียน้ำตากับความกดดันถึงขั้นเก็บเอาไปฝันกับการเทรนด์ที่ไม่ใช่แค่ทำให้ผ่านแต่นั่นหมายถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร จากที่คิดไว้ตอนแรกแค่เสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารสวย ๆ สบาย ๆ แต่จริงๆ กว่าที่เราจะขึ้นไปบนเครื่อง มันมีรายละเอียดที่เราต้องมาคุยกันก่อนว่าเราบินไปไหน ต้องทำอะไรบ้าง สภาพอากาศวันนี้เป็นยังไง จำนวนผู้โดยสารเท่าไหร่ ส่วนเซอร์วิสที่เห็นว่าเราเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารนั้นมันเป็นของแถมที่จะทำให้ผู้โดยสารยิ้มและพอใจ แต่จริง ๆ น้อยคนเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของงานเรามันมีรายละเอียดเยอะขนาดไหนค่ะ"

เมื่อได้ติดปีกสมความตั้งใจและเธอก็ภูมิใจในตัวเองลึก ๆ กับการเริ่มต้นชีวิตการทำงานแบบเต็มตัวกับอาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝันไว้ แต่เมื่อต้องลงสู่สนามจริงเธอเล่าว่ามันช่างแตกต่างจากสนามซ้อมที่เธอนั้นถูกเทรนด์มาอย่างสิ้นเชิง

"วันแรกของการบินก้อยถามตัวเองว่ามันคืออะไรกันแน่กับสิ่งที่เราทำอยู่ เพราะงานมีความกดดันและเครียดหัวหมุนเลยเพราะเป็นเด็กใหม่ แอบหงุดหงิดตัวเองมาก ๆ ที่ทำอะไรไม่ทัน นึกภาพเห็นพี่ ๆ เขาทำอะไรกันทุกคนทำงานกันรวดเร็วไปหมด ตัดภาพมาที่เรายืนเฉยๆ แล้วเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านอยู่รอบ ๆ ตัว แต่ทำอะไรไม่ทันเขาเลย เป็นไฟล์ทแรกของเราที่ยุ่งมาก และถึงแม้เราจะถูกเทรนด์เรียนมาแต่ยังไม่เคยจับไม่เคยสัมผัสก็เลยงง ๆ"

"มันก็เลยเกิดเป็นแรงผลักดันให้เรา จดทุกอย่างที่เราไม่รู้ไม่ได้ทำแล้วเราพลาด แต่พอทำไปเรื่อยๆ เราทำให้ผู้โดยสารพอใจเราจะแฮปปี้กับการทำงานวันนั้นมาก และความสุขที่ทำมาตลอดระยะเวลาสามปี รู้สึกเวลาเจอเด็กๆ หรือว่าผู้สูงอายุที่พอขึ้นมาบนเครื่องแล้วเราทำให้เขามีรอยยิ้มหรือแววตาอะไรที่ส่งมาให้เรามันมีความสุข คือคนอื่นอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่คนทำงานแบบเรามันรู้สึกและสัมผัสได้ค่ะ"

อย่างไรก็ตามเมื่อถามสาวก้อยในบทบาทแอร์โฮสเตสแล้วนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะให้เธอเล่าถึงเที่ยวบินที่ทำให้เธอจำไม่ลืมตลอดระยะเวลาสามปีที่ทำงาน เธอนั่งนิ่งหยุดคิดและพูดขึ้นว่าเหตุการณ์ที่ทำให้จำไม่ลืมนั้นเป็นไฟล์ทบินนาทีชีวิต

"คือผู้โดยสารเป็นฝรั่งที่ตัวใหญ่มาก ๆ และอยู่ดี ๆ เครื่องกำลังจะขึ้นแล้วแฟนเขากดเรียกแต่เราไม่สามารถที่จะลุกขึ้นไปได้แล้ว แต่เพราะมันเป็นอะไรที่ผิดสังเกตเขากดบ่อยและถี่เลยตัดสินใจลุกวิ่งขึ้นไปดู ปรากฏว่าเขาชักตาเหลือกอ้วกเปื้อนเต็มตัว ณ จุดนั้นจริงๆ ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะช่วยเขาได้เรียกเพื่อนให้มาช่วยกันให้ออกซิเจน พอเขาดีขึ้นเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา คือนาทีชีวิตจริง ๆ ที่ช่วยเขา และก็มีอีกเป็นคนแก่ซึ่งเป็นโรคหัวใจ แต่โชคดีมากที่เครื่องลงจอดแล้ว แต่สภาพของเขาตัวเขียวหน้าเขียวทุกอย่างตอนนั้นต้องทำด้วยสติทุกอย่างก็ค่อย ๆ ดีขึ้นผ่านไปได้ดีแต่เป็นเคสที่น่ากลัวค่ะ เพราะมันก็เคยมีกรณีที่เสียชีวิตบนเครื่องเกิดขึ้นเหมือนกัน"

และวันหนึ่งชีวิตของเธอก็มาเจอจุดเปลี่ยนแสงออร่าของความสวยน่ารักของแอร์โฮสเตสได้ไปเตะตา เธอจึงถูกชักชวนให้มาประกวดอีกครั้งกับโปรเจ็กท์ซีรี่ส์ "สงครามนางงาม 2" ที่ตอนแรกในใจลึก ๆ ของเธอนั้นแอบปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าเธอได้เข้ามาโลดแล่นในวงการ

"ในใจก้อยตอนนั้นแค่งานแอร์ก็เหนื่อยแล้วบินเยอะมาก ไม่อยากไปสมัครประกวดอะไรเลย แต่มีคนติดต่อมาว่าลองดูมั้ย จำได้ว่าวันนั้นบินตีสี่ลงมาประมาณเที่ยง เพื่อนสาวก็หวังดีเตรียมชุดแต่งหน้าทำผมให้เสร็จ แต่สภาพร่างกายคือไม่พร้อมเลยแม้จะล้างหน้าแต่งหน้าใหม่แต่ก็ยังเพลียอยู่เพราะนอนไม่พอ แต่เพื่อนเตรียมทุกอย่างไว้แล้วไปก็ไป  แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรก้อยได้เข้ารอบไปเรื่อยๆ แต่ในใจก้อยตอนนั้นคิดว่าจะถอนตัวแต่ทางรายการมีข้อตกลงว่าถ้าถอนตัวจะโดนปรับ ก็เลยต้องทำต่อไปและก็เข้ารอบสิบคนก็เลยได้เป็นหนึ่งนักแสดงเรื่องสงครามนางงามสอง"

จากเด็กต่างจังหวัดมาเป็นแอร์โฮสเตสและก้าวสู่นักแสดง

"ก้อยภูมิใจในตัวเองนะที่เราสามารถมาถึงจุดนี้ เราไม่มีต้นทุนชีวิตเหมือนคนอื่นๆ แต่เราสามารถทำมันขึ้นมาเองได้ และมันก็ทำให้ก้อยรู้ว่าการที่เราสวมบทบาททั้งแอร์และนักแสดงเราต้องเป็นคนที่คิดบวกอย่าคิดลบ อย่าคิดร้าย ก้อยเชื่อว่าการคิดบวกมันเป็นเหมือนพลังบวกให้เราได้เจอสิ่งดี ๆ แต่สิ่งสำคัญสำหรับก้อยนั้นที่ก้อยมาถึงจุดนี้ได้คือเราต้องมีความมุ่งมั่น เป้าหมายชัดเจนและลงมือทำด้วยความอดทน แต่อีกมุมอย่าลืมว่าในเมื่อเราได้โอกาสมาเป็นนักแสดงที่พอมีคนจะจำได้ พร้อมกับต้องก็ทำหน้าที่เป็นแอร์เราแบกหน้าที่ทั้งสองอย่างไว้ ภาพลักษ์คือสิ่งสำคัญมาก"

"ฉะนั้นเราต้องเป๊ะและเนี้ยบมากขึ้นด้วยบินเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องเป๊ะ เวลาไปผู้โดยสารจำเราได้เขามาทักมาขอถ่ายรูปคุยกับก็ต้องคุยดีๆ ยิ้มแย้มให้ เพราะเคยโดนคอมเม้นท์ในอินสตาแกรมว่าหยิ่งเคยเจอบนเครื่อง ซึ่งก้อยก็ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้ผู้โดยสารไม่พอใจ เพราะในระหว่างทำงานบนเครื่องมันจะยุ่งมาก  ตอนนี้ก็ต้องยิ้มไว้มากๆ ช่วงแรกๆ ก็อาจจะรู้สึกขัดกับตัวบ้าง แต่ตอนนี้มันก็เริ่มกลืนไปกับตัวเรา คิดในแง่บวกมันก็ดีนะคะทำให้เราเป็นคนที่เป๊ะโดยที่ไม่ต้องเสแสร้งค่ะ"

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ Sanook News เชื่อว่าเรื่องราวของสาว ก้อย กชกร จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านหลาย ๆ คน ที่ไม่ได้ต้นทุนชีวิตเหมือนกับเธอ แต่ถ้าหากมีความตั้งใจและมุ่งมั่นอดทน ชีวิตก็สามารถประสบความสำเร็จแบบเธอได้เช่นกัน

 

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ เพราะต้นทุนชีวิตไม่เหมือนใคร "ก้อย กชกร" สวย เก่ง สตรอง จากเด็ก ตจว. สู่แอร์โฮสเตส-นักแสดง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook