อดีตสามี "ครูจอมทรัพย์" มอบตัวแล้ว ตร.ชี้ส่อเข้าข่ายร่วม

อดีตสามี "ครูจอมทรัพย์" มอบตัวแล้ว ตร.ชี้ส่อเข้าข่ายร่วม

อดีตสามี "ครูจอมทรัพย์" มอบตัวแล้ว ตร.ชี้ส่อเข้าข่ายร่วม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (28 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะทำงานดำเนินคดีเอาผิดขบวนการรับจ้างทำผิด ปั้นพยานเท็จในคดีครูจอมทรัพย์ ยังคงเดินหน้าสอบสวน ครูอ๋อง หรือ นายสุริยา อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีครูจอมทรัพย์ เพื่อสรุปเอกสารหลักฐาน วางแนวทางเอาผิด ขยายผลเชื่อมโยงไปยังผู้ร่วมขบวนการ 

ซึ่ง ครูอ๋อง ยังคงให้การว่า เป็นเพียงผู้ดำเนินการทุกยัง แต่ยังไม่เปิดเผยในรายละเอียดเชื่อมโยงไปถึงครูจอมทรัพย์ เพียงแต่ยืนยันว่าครูจอมทรัพย์รับรู้แต่ต้นในการวางแผนช่วยเหลือ แต่ทางตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานสามารถเอาผิดได้ทั้งหมด

และในวันนี้จะได้นำตัวครูอ๋อง ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครพนม หลังควบคุมตัวชั่วคราว รอการสอบสวน ครบ 48 ชั่วโมง และต้องรอผลการพิจารณา ว่าศาลจะให้มีการประกันตัวหรือไม่ ส่วนครูจอมทรัพย์ศาลได้ยกคำร้องประกันตัวนำตัวไปคุมขัง รอการพิจารณาตั้งแต่ วันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา สำหรับ นายสับ วาปี อายุ 61 ปี พร้อมภรรยา นางจัน อายุ 59 ปี ศาลได้มีคำสั่งให้ประกันตัว ปล่อยตัวชั่วคราวรอการพิจารณาของศาล

ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ เปิดเผยว่า ล่าสุด หลังมีการแจ้งความดำเนินคดี กับผู้ร่วมขบวนการครูจอมทรัพย์ เบื้องต้น ทั้งหมด 8 ราย  มีดำเนินคดีไปแล้ว 4 ราย  มี ครูอ๋อง,ครูจอมทรัพย์,นายสับ วาปี พร้อมภรรยา

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา นายนิรันดร์ อดีตสามีครูจอมทรัพย์ พร้อมด้วยนางทัศนีย์ พยานสำคัญครูจอมทรัพย์ ได้ติดต่อเข้ามารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน และขออนุญาตรายงานตัวในพื้นสถานีตำรวจที่ใกล้บ้าน จึงได้ให้ไปรายงานตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม ใกล้ที่เกิดเหตุ 

เบื้องต้น ได้มีการสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมีการปล่อยตัวชั่วคราว ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะรอขบวนการสอบสวนพยานหลักฐาน เพราะผู้ถูกกล่าวหามีหลักแหล่งเชื่อว่าจะไม่หลบหนี โดยในส่วนของอดีตสามีครูจอมทรัพย์ ยังมีตำแหน่งรับราชการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลแห่งหนึ่ง 

เมื่อมีการพิจารณารวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องครบ จะได้เรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมพิจารณาตามความผิด แต่เบื้องต้นพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงทั้ง 2 คน แต่จะเข้าข่ายความผิดมากน้อยแค่ไหนต้องรอการพิจารณา เนื่องจากอดีตสามีเคยไปร่วมให้การช่วยเหลือกับทางตำรวจ 

ส่วน นางทัศนีย์ ยังพบหลักฐานสำคัญว่า มีการให้การขัดแย้งกัน ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนกับการเบิกความในการไต่สวนรื้อคดี โดยเคยมีหลักฐานการสอบปากคำว่า ยืนยันพบเห็นทะเบียนรถคันเกิดเหตุที่ชนชัดเจน ทั้งอักษร ตัวเลข และจังหวัด ทำไมพอมาถึงการเบิกความได้ให้การว่าจำได้เพียงตัวเลข และเห็นชายเป็นคนขับ แต่จะต้องรอขั้นตอนการพิจารณาสรุปอีกครั้ง

นอกจากนี้ ในส่วนของการสอบสวนขยายผลพยานเพิ่มเติม อยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ มาให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

ส่วนบุคคลใดจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ต้องรอพยานหลักฐานว่าจะเชื่อมโยงแค่ไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีความผิดทุกราย บางรายเป็นการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง นำไปประกอบการดำเนินคดีกับขบวนการเท่านั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook