แกะรอยคดีดัง ซับซ้อนซ่อนปมแห่งปี 2560 ตอน 2

แกะรอยคดีดัง ซับซ้อนซ่อนปมแห่งปี 2560 ตอน 2

แกะรอยคดีดัง ซับซ้อนซ่อนปมแห่งปี 2560 ตอน 2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น้องเมย เสียชีวิตในโรงเรียนเตรียมทหาร ครอบครัวยังต่อสู้เพื่อความจริง

นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ปี 1 เสียชีวิต ในใบมรณะบัตรชี้สาเหตุการตายมาจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ครอบครัวยังคลางแคลงใจ จัดงานฌาปนกิจตามปกติ แต่ไม่ได้เผาน้องจริงๆ แอบนำร่างไปผ่าชันสูตรรอบที่ 2 พบว่าอวัยวะภายในของน้องเมยหายไป ทั้งสมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ

ด้านทหารออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจ พร้อมคืนอวัยวะภายในให้ครอบครัว แต่ตอบไม่ได้ทำไมไม่บอกให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าเก็บอวัยวะลูกชายเขาไว้

ขณะที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่างรองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาพูดว่า ‘ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้ ผมก็สลบไปเหมือนกัน แต่ผมมันไม่ตายไง’ รวมถึงกล่าวถึงวิธีแก้ปัญหาการเสียชีวิตในโรงเรียนทำนองว่า ‘ก็ไม่ต้องเข้ามาเรียน รับเฉพาะคนที่รับได้ เต็มใจ’ จนทำให้กระแสความไม่พอใจในสังคมเพิ่มมากขึ้น

หลังจากนั้นครอบครัวนำร่างน้องเมยไปตรวจสอบต่อที่ DSI ผลออกมาว่า พบรอยช้ำตามร่างกายหลายแห่ง เชื่อเกิดจากการถูกทำร้าย ส่วนซี่โครง ซี่ที่ 4 หักนั้นไม่ได้เกิดจากการทำ CPR อย่างแน่นอน 

ส่วนผลการชันสูตรชุดที่ 2 (ชันสูตรอวัยวะ) ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยทางครอบครัวจะใช้ผลการชันสูตรที่ได้ทั้งหมด เป็นข้อมูลในการดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชายอย่างแน่นอนทั้งนี้ครอบครัวจัดได้พิธีฌาปนกิจน้องเมยไปเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ วัดวิเวการาม จ.ชลบุรี 

ล่าสุดคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของกองบัญชาการกองทัพไทย ได้แถลงผลการสอบสวนว่า การเสียชีวิตเกิดจากปัญหาสุขภาพ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไม่ได้โดนลงโทษจนเสียชีวิต

ขณะที่แม่ของน้องเมย ออกมาโพสต์หลังการแถลงโดยมีข้อความบางช่วงว่า 'น่าสังเวชและยิ่งเวทนาแท้ นั่งดูแถลงข่าวไปนั่งขำอยู่ในใจ'

ฆ่ายกครัว 8 ศพ จ.กระบี่

236067

อีกคดีที่สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ เมื่อเกิดกรณีฆ่ายกครัว 8 ศพ ซึ่งมีเด็ก และผู้หญิงถูกยิงศีรษะจนเสียชีวิตที่ จ.กระบี่ นั้นเรื่องเกิดเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ผ่านมา พบศพนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมญาติรวม 8 ศพ และยังมีบาดเจ็บ 3 คน ขณะที่ลูกสาววัย 3 เดือนของผู้ใหญ่บ้านรอดชีวิต

ภายหลังตำรวจสืบทราบได้อย่างรวดเร็ว และจับกุมตัวคนร้ายทั้งหมดได้ภายใน 5 วัน เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อคนร้ายนำโดย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต นำทีมสวมชุดลายพรางไปยังบ้านของผู้ใหญ่ บังเอิญวันนั้นมีญาติมาที่บ้านของผู้ใหญ่หลายคน คนร้ายจึงให้ไปอยู่ในห้องนอนแล้วปิดไฟ เมื่อทำการเจรจาต่างๆ กับผู้ใหญ่บ้านก็ใช้ปืนจ่อยิงศีรษะคนในบ้านทีละคน ก่อนจะหลบหนีไป โดยถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดทั้งหมด

เหตุการณ์นี้มีผู้รอดชีวิต 2 คน คือนางอัญชลี น้องสะใภ้ของผู้ใหญ่ และบุตรสาวของเธอที่เป็นผู้โทรเรียกคนให้มาช่วย 

สุดท้ายเมื่อจับคนร้ายได้ความจริงก็ถูกเปิดเผยว่า ผู้ใหญ่ได้นำโฉนดที่ดินไปจำนองกับบังฟัต และได้นำเงินมาคืนตามกำหนด แต่บังฟัตไม่สามารถคืนโฉนดให้ได้เพราะนำไปจำนองกับธนาคาร ผู้ใหญ่มาทวงหลายครั้ง และมีการขู่ฆ่ากัน ทำให้บังฟัตหนีไปอยู่ต่างจังหวัด ก่อนจะกลับมาก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้

3. ศึกลอตเตอรี่อลเวง 

lotto

ร.ต.ท.จรูญ วิมล ผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 เลข 533726 จำนวน 5 ใบ เป็นเงินทั้งสิ้น 30 ล้านบาท ยืนยันซื้อหวยชุดมาในราคา 700 บาท ระหว่างเดินซื้อกับข้าวที่ตลาดใน จ.กาญจนบุรี จากนั้นไปขึ้นเงิน ใช้เงินได้ไม่กี่ล้านก็ถูกอายัดเงินทั้งหมดในธนาคาร และมีคนมาเชิญไปโรงพัก เพราะมีคนแจ้งความว่าสลากหาย ทั้งยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยอมรับว่าเอาสลากของคนอื่นมา และให้แบ่งเงินกันคนละ 15 ล้านบาท

โดยฝั่งที่ไปแจ้งความว่าลอตเตอรี่ของตนเองหายคือ นายปรีชา ใคร่ครวญ อาชีพครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี เป็นคนที่ซื้อลอตเตอรี่เป็นประจำ และมีเลขที่ตามอยู่ ยืนยันว่าซื้อลอตเตอรี่เลขนี้มาจาก นางรัตนาพร คนขายที่เดินทางมาเป็นพยานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าครูซื้อไปจริงๆ แต่ทำหายไป โดยหลังจากซื้อลอตเตอรี่ไปครูได้เดินซื้อกับข้าวในตลาด

ไปๆ มาๆ ยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เงินเยอะขนาดนี้ ไม่มีใครยอมแบ่งให้ใครแน่นอน

 สาวแสบหลอกแต่งงาน

271491

น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือน้ำมนต์ อายุ 32 ปี เป็นชาว จ.เลย เธอเคยโดนให้ออกจากรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ เทศบาล ต.นาแห้ว จ.เลย ในข้อหาฉ้อโกง หลอกเงินผู้เสียหายคนละ 100,000 – 130,000 บาท

ออกจากงานราชการสักพัก เธอก็ใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางเข้าหาผู้ชาย เมื่อพูดคุยกันไปได้สักพักเธอจะชักชวนทำธุรกิจ คุยไป คุยมา ไม่รู้คุยอีท่าไหน เธอก็จะโชว์ไพ่ว่าท้องพร้อมรูปอัลตร้าซาวด์ จนได้แต่งงาน โดยในงานแต่งก็จะมีครอบครัวของเธอมาร่วมงาน ก่อนเชิดค่าสินสอดหลบหนี

มาดูข้อมูลบางส่วนว่าน้องน้ำมนต์หลอกเหยื่อเข้าวิวาห์ได้อะไรไปบ้าง

  • 20 ธันวาคม 2558 แต่งกับชายวัย 38 ปี เชิดเงินกว่า 500,000 บาท พร้อมต้องผ่อนหนี้ให้เธอเดือนละกว่า 20,000 บาท
  • 6 มกราคม 2560 เสียค่าสินสอดไปกว่า 500,000 บาท แต่ไม่ได้แต่งงาน เธออ้างว่าขอเลื่อนงานแต่งไปก่อนเพราะดวงไม่ดี!
  • พฤษภาคม 2560 เสียเงิน 300,000 บาท ทองอีก 4 บาท แต่งงานได้วันเดียว เธอบอกให้ผู้ชายกลับบ้านไป สักพักเขาจึงรู้ว่าถูกหลอก
  • 23 พฤษภาคม 2560 คบหาดูใจได้ 1 เดือน ก็โดนหลอกให้แต่งงาน เสียสินสอด 180,000 บาท พร้อมรถยนต์ 1 คัน ก่อนที่จะหายเงียบไป

ที่แสบไปกว่านั้น บ้านที่เธอใช้หลอกเหยื่อมาจัดงานเป็นบ้านเช่า ที่เธอยังยกเค้าของในบ้านเช่ามาอีก ยังไม่พอ เธอยังฉ้อโกงแม่ค้าผลไม้หลายราย หลังไปติดต่อขอซื้อผลไม้ทั้งในจังหวัดชุมพร จันทบุรี และ ระยอง นอกจากนี้ยังโกงคนพิการที่ขายสลากกินแบ่งอีก 2 ราย รายละ 200,000 บาทด้วย

คดีน้ำมนต์หลอกผู้ชาย 14 คน แต่งงานแล้วเชิดเงินหนี ล่าสุดศาลจังหวัดธัญบุรีนัดตรวจพยานหลักฐาน ด้านพี่สาวน้ำมนต์เผยจะขอชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายทั้งหมด ขณะญาติๆ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 – 6 ให้การปฏิเสธในชั้นศาล อ้างเงินอยู่ที่น้ำมนต์ทั้งหมด ไม่มีส่วนรู้เห็น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook