ลุงโทรบอกลูก "มารับศพด้วย" ควงปืนยิงหลาน จ่อหัวตัวเองดับ
คุณลุงเครียดจัดยกหูโทรบอกลูกชาย "กลับมารับศพด้วย" ก่อนควงปืนไปยิงหลานสาวนอนเปล แล้วยิงจ่อหัวตัวเองเสียชีวิตตาม แรงจูงใจยังเป็นปริศนา
เมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) พ.ต.ท.อำพร อยู่ปูน พนักงานสอบสวน สภ.วิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนยิงกันเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ จึงเดินทางไปพร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดพุเตย และแพทย์เวรโรงพยาบาลวิเชียรบุรี
จุดเกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ยกพื้นสูง พบศพหญิงสาว ทราบชื่อต่อมาคือ นางสาวคริสต์มาส อายุ 41 ปี สภาพนอนหงายห้อยขา เสียชีวิตอยู่บนเปล พบร่องรอยถูกยิงใต้ราวนมด้านซ้าย 4 นัด ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 5 ปลอก ตกอยู่ข้างๆ ศพ โดยข้างบนบ้านหลังดังกล่าว ยังพบกับคุณยายวัยชรา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาการหลงลืมอาศัยอยู่ด้วย
ขณะที่ห่างกันออกไปราวๆ 40 เมตร เป็นที่ตั้งของบ้านอีกหลัง ก็พบศพชายวัยชรา ทราบชื่อคือ นายสำราญ อายุ 72 ปี สภาพนอนหงายเสียชีวิตข้างๆ ที่นอน พบว่ามีร่องรอยถูกยิงบริเวณขมับด้านขวา 1 นัด ข้างศพพบปืนยาวกึ่งอัตโนมัติ และลูกปืนตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โดยเบื้องต้น พ.ต.ท.อำพร อยู่ปูน พนักงานสอบสวน สภ.วิเชียรบุรี พร้อมด้วย อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดพุเตย ,นพ.ณัฐภูมิ ชอบดอน แพทย์เวรโรงพยาบาลวิเชียรบุรี ศูนย์พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งนำศพส่งชันสูตรเพิ่มเติมที่ รพ.วิเชียรบุรี ตามลำดับ
จากการสอบถามทราบว่า นางสาวคริสต์มาส มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว แต่สามารถพูดคุยตอบโต้ได้รู้เรื่อง ปัจจุบันอาศัยอยู่กับยายวัยชราที่มีอาการหลงลืม ซึ่งหญิงชราคนดังกล่าวเป็นแม่ของนายสำราญ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ของนางสาวคริสต์มาส โดยทั้งสองมีบ้านอยู่ห่างกันราว 40 เมตร
ก่อนเกิดเหตุ นายสำราญ ได้โทรศัพท์ไปหาลูกชายที่ต่างจังหวัด บอกว่ารู้สึกเครียดมาก ให้ลูกชายเดินทางมารับศพด้วย ก่อนวางสายไปทันที ลูกชายพยายามโทรกลับหาพ่อหลายครั้ง เพื่อห้ามปรามแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จากนั้นนายสำราญ ได้นำอาวุธปืนยาวกึ่งอัตโนมัติ ขนาด .22 เดินลงมาจากบ้าน ตรงไปบ้านอีกหลัง แล้วกระหน่ำยิงใส่หลานสาวที่นอนพักผ่อนอยู่ที่เปล เป็นเหตุทำให้เสียชีวิต
และต่อมาจึงได้เดินกลับขึ้นไปบนบ้านตัวเอง ใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงเข้าที่ขมับด้านขวา ก่อนจะเสียชีวิตตามเป็นศพที่ 2 ทิ้งคุณยายวัยชราเอาไว้เพียงลำพัง ซึ่งสำหรับสาเหตุของแรงจูงใจครั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัด ต้องรอสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง