พิ้งกี้ เคลียร์อีกรอบ สาเหตุเลิก ไฮโซเพชร ตอบเหมือนหนังคนละม้วน
เหมือนจะเป็นหนังคนละม้วนขึ้นมาทันที เพราะหลังจากที่นางเอกสาว “พิ้งกี้ สาวิกา” ได้ออกมายอมรับว่าได้เลิกรากับสามีไฮโซหนุ่ม “เพชร อิทธิ” เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุผลที่ทั้งคู่ก็ยังงงๆ แต่เชื่อว่ายังมีความรู้สึกดีๆ ให้กันอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานทางฝ่ายชายก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ซึ่งข้อมูลทั้งหมดดูจะขัดแย้งกันพอสมควร
ล่าสุด พิ้งกี้ สาวิกา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเรื่องราวดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้เผยไว้ว่าไม่ขอแสดงความคิดเห็นหรือรู้สึกอะไร แต่ส่วนตัวยังอยากเก็บเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีให้เสมอ ไม่อยากพูดอะไรให้ฝ่ายชายต้องเสียหาย พร้อมยอมรับเสียใจกับสิ่งที่ฝ่ายชายพูด แต่เชื่อว่าอนาคตคงได้นึกถึงกันแต่เรื่องดีๆ
หลังจากที่เราออกมาเปิดใจถึงกรณีที่หย่า จากนั้นพี่เพชรได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อแบบหนังคนละม้วนเลย ได้เห็นหรือยัง ?
“เห็นสิคะ แต่ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง มันรู้สึกอะไรมากไม่ได้ เพราะตอนนี้เราเป็นคนอื่นซึ่งกันและกันไปแล้ว เราไม่สามารถจะรู้สึกอะไรไปได้มากกว่านั้นเพราะเป็นทัศนคติที่ต่างกัน ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นสามีเรา ณ ปัจจุบันนี้เราไม่อยากทำให้ใครเสียหาย เราไม่มีความรู้สึกอะไรเลยที่จะพูดถึงเขาในทางไม่ดี”
คำให้สัมภาษณ์เขาค่อนข้างแรง เราเห็นแล้วตกใจไหม ?
“ตกใจ ซึ่งตอนนั้นมีพี่นักข่าวโทรมาเราถึงได้ไปดู ตอนนี้เราพูดอะไรมากไม่ได้ ไม่อยากตอบอะไร เพราะเราเป็นคนอื่นไปแล้ว จริงๆ การที่เขาพาดพิงแม่หรือผู้จัดการ กี้ว่ามันคือทัศนคติค่ะ ซึ่งตอนนี้เรามองไปถึงจุดที่จะเดินไปข้างหน้าแล้ว อะไรที่เป็นสิ่งที่เราเคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กันเราก็คิดถึงและเก็บตรงนั้นไว้ ส่วนสิ่งที่ไม่ดีก็คงจะไม่คิดค่ะ ก็ปล่อยไป”
เสียใจกับสิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์ไหม ?
“เสียใจค่ะ แต่ถ้าจะให้หนูมานั่งชี้แจงอีกวันนี้ก็คงไม่จบ หนูคงไม่มีอะไรชี้แจงค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่า ณ ปัจจุบันนี้หนูทำได้แค่เพียงเดินหน้าเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรจะต้องพูดออกมา กี้ไม่อยากทำให้คนที่เขาเคยเป็นสามีเราเสียหายแล้ว”
แอบกังวลไหมว่าข่าวที่ออกมาจะกระทบและทำให้ตัวเรากับครอบครัวเสียหายอีก ?
“หนูเป็นดารา ยังไงก็ต้องเจอข่าวนู้นข่าวนี้ ความเสียหายมันมีอยู่ตลอดค่ะ แต่ในทางกลับกันพี่เขาเป็นนักธุรกิจ กี้พูดในสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเซนซิทีฟมากๆ เรารู้สึกอยากมองในสิ่งที่ดีเท่านั้นเอง”
ได้โทรเคลียร์กับพี่เพชรส่วนตัวไหม ?
“ไม่ได้โทรค่ะ คือมันไปข้างหน้าไกลแล้ว สิ่งที่พี่เขาพูดมามันคือทัศนคติที่คนหนึ่งมองต่อเรื่องเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนั้นจะต้องเป็นแบบนั้น”
แต่ถ้าเราไม่อธิบายหรือปฏิเสธ มันจะกลายเป็นว่าเรายอมรับในสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า ?
“เอาจริงๆ นะคะ ตัวกี้โตแล้ว กี้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เพราะฉะนั้นการที่คนเราจะตัดสินใจทำอะไรไม่ใช่เพราะอารมณ์ เราต้องคิดถี่ถ้วนแล้ว เราโตป่านนี้แล้วจะไม่คิดอะไรด้วยอารมณ์ กี้คิดว่าสิ่งที่ทั้งกี้และพี่เขาตัดสินมันคือความคิดที่โตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ”
ได้คุยกับแม่ไหม เพราะในข่าวก็พาดพิงไปที่แม่ด้วย ?
“คุยค่ะ เพราะเรามีอยู่กันสองคนอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าตอนนี้เรามองในสิ่งที่ดีแล้ว เรามองว่าเราเคยทำอะไรมาแล้วดีต่อกัน อะไรที่ไม่ดีก็ไม่เป็นไร เพราะเรารู้ว่าตัวเราทำอะไรอยู่ ส่วนตัวแม่เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ เขาไม่ได้ทำอะไรนอกจากตัวกี้นี่แหละเพราะกี้เป็นคนตัดสินใจ แม่ไม่ได้มีส่วนในการตัดสินใจจะทำอะไรอย่างหนึ่ง อย่างการรับงานแม่ก็ไม่สามารถบังคับกี้ได้ เพราะตัวกี้เองก็เป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก การที่รับงานเพราะงานเลือกเรา เราเป็นนักแสดง เราต้องทำหน้าที่ตรงนั้น ทุกอย่างคืองาน ไม่มีใครจะมาบังคับเราได้ว่าต้องทำอันนี้หรืออันนั้น”
พี่เพชรให้สัมภาษณ์ว่าเราผิดสัญญา เพราะถ้าแต่งจะไม่รับงานในวงการอีก ?
“จริงๆ การที่กี้แต่งงานมันก็คือการตัดสินใจระดับหนึ่งแล้วว่าเราคิดยังไงตอนนั้น แต่ปัจจุบันนี้บอกเลยร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากเลิก ไม่มีใครอยากแต่งงานแล้วล้มเหลว ทุกคนอยากประสบความสำเร็จ แต่ในวันหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จเราก็ต้องยอมรับ มันมีเหตุผลมากมายที่เราไม่จำเป็นจะต้องมาเล่าให้ทุกคนฟัง มันเป็นเหตุผลของคนสองคน บางทีคนสองคนอาจจะมีอะไรที่ไม่เข้ากัน ไม่ตรงกัน เป็นเรื่องธรรมดา แต่ปัจจุบันกี้มองเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย บางครั้งในอนาคตอาจจะมีเรื่องที่ดี ผ่านไปปีสองปีเราสองคนอาจจะมองแต่สิ่งดีๆ ของกันก็ได้”
พี่เพชรออกมาพูดส่วนใหญ่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง ?
“เรื่องเงินเป็นสิ่งที่เราได้ยินมาจากข่าวหลายๆ ข่าว ก่อนหน้านี้ก็มีข่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยว่าให้เงินเดือนเท่านี้ๆ เราก็เข้าใจพี่เขาเพราะพี่เขาก็บอกตามที่เขาบอกว่าไม่ใช่เท่านั้น เราเองก็ไม่เคยให้ข่าวใคร เราตอบทุกข่าวไม่ได้จริงๆ เพราะมันเยอะมาก จนเราไม่สามารถชี้แจง แต่ตอนนี้พูดได้ว่าทุกอย่างตัดสินใจด้วยตัวเรา และเงินไม่ได้เป็นปัจจัยสำหรับกี้ เพราะเราทำงานตั้งแต่เด็ก”
หลังจากนี้ กลัวพี่เขาจะออกมาพูดอีกไหม ?
“ไม่น่าแล้วค่ะ มันเป็นสิ่งที่พี่เขาคงอยากพูด เราก็ห้ามตรงนั้นไม่ได้ ตัวกี้ก็พูดได้ในสิ่งที่พูดได้แค่นี้”
เราอยากพูดอะไรบ้างไหม กับสิ่งที่ทางฝ่ายชายออกมาพูด ?
“ไม่พูดนะ เรามองในจุดที่ดี เราไม่ได้รู้สึกแย่กับพี่เขา เรามองว่าพี่เขาเคยดีกับเราแค่ไหน มีบุญคุณในการที่เคยดูแลเรา ในการที่เป็นสามี หลังจากนี้ต่อไป ก็อยากจะให้เขาได้เจอคนที่เหมาะสมกับเขาและดีกับเขา”
มีอะไรค้างคาใจกับสิ่งที่เขาออกมาพูด ?
“ไม่มีค่ะ เพราะตอนนี้เดินหน้ามากค่ะ สาวิกาไม่มองไปข้างหลังค่ะ เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว”
ถ้าเจอหน้ากัน เจอได้ไหม ?
“เจอได้สิค่ะ เดี๋ยวงานวิ่งนี้ที่พัทยา แหลมบาลีฮาย พี่เขาก็อยู่แถวนั้น อาจจะวิ่งๆ อยู่เจอก็ สวัสดีพี่เพชร(ยิ้ม)”
สรุปเรื่องหนัง “มังกร ปีศาจ นารี” เรายังเล่นอยู่ไหม ?
“ไม่ได้เล่นค่ะ หนูออกมาแล้ว แต่พี่เขาคงทำอยู่ คือเราออกมาแล้วก็คงไม่ได้กลับไปตรงนั้น และหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย”
ยังเหนื่อยกับชีวิตไหม กับข่าวที่เกิดขึ้น ?
“ไม่เหนื่อยค่ะ แฮปปี้ค่ะ ตรงที่ข่าวมันผ่านไปและก็ผ่านไป ไม่มีทางที่ต้องกลับมาถามอีกหลายๆ รอบเพราะทุกคนก็ต้องเดินหน้า ปัจจุบันกี้ก็คงไม่นึกถึงเรื่องอดีต”
บทเรียนความรักครั้งนี้ ให้อะไรกับเราบ้าง ?
“ก็ทุกอย่างค่ะ ความรัก ชีวิต การทำงาน ทุกอย่างมีบทเรียนในสิ่งที่เราทำทุกอย่าง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องล้มเหลว มันคือการเรียนรู้ ฉะนั้นจะบอกทุกคนว่าทุกคนไม่ได้ล้มเหลวนะคะ มันคือการเรียนรู้เท่านั้นเอง ชีวิตยังอีกยาวไกล เรายังต้องเจออะไรอีกเยอะ อายุ 30 ก็เป็นจุดเริ่มจะเป็นผู้ใหญ่ตอนปลายแล้ว ก็ต้องตั้งใจทำงานและให้งานออกมาดีที่สุด”
ตอนนี้ก็เหมือนเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวงการบันเทิง ?
“เหมือนกับว่าไปพักผ่อนมา และกลับมาใหม่ค่ะ ตอนนี้ก็มีละครเรื่อง ภูตพิศวาส ที่พี่ต่าย-นัฐฐพนท์ เป็นผู้จัดฯ ของทางช่อง วัน ส่วนอีกสองเรื่องเดี๋ยวรอผู้ใหญ่บอกค่ะ”
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ