เปิดใจลีน่าจัง ใครผ่านปากฉันต้องดังเป็นพลุแตก
“ซวยส่งท้ายปี ซวยฉิบหาย โดนคนด่าทั้งประเทศ จะมีคนตบเราด้วยถ้าไปภาคใต้ มีคนบอกว่ามาเหยียบเมื่อไหร่โดนกระทืบแน่ ต๊ายตาย! ทำไมโหดร้ายกับฉันอย่างนี้เนี่ย”
ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจของเจ้าแม่วงการไลฟ์สดนามว่า ลีน่าจัง ที่ถูกชาวเน็ตถล่มอย่างหนักหลังจากที่ไลฟ์สดด่าคนที่ถามว่าบริจาคเงินให้โครงการก้าวคนละก้าวหรือยัง แต่ลีน่าจังสวนกลับมาว่า "จะให้ทำไมจะเก็บไว้กินตอนแก่"
นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ว่าตูน บอดี้สแลมออกมาวิ่งเพราะอยากดังและหวังปูทางเล่นการเมืองในอนาคต
แต่ความจริงแล้วเป็นเช่นไร ทำไมถึงต้องวิจารณ์แรงขนาดนั้น?
ทาง Sanook News จึงได้ติดต่อสอบถามไปยังคุณลีน่าจังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และได้คำตอบที่ตรงข้ามกับคำถามอย่างสิ้นเชิง โดยคุณลีน่าจังรู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่ได้วิจารณ์ออกไป เพราะไม่มีเจตนาที่จะไปขัดขวางการวิ่งครั้งนี้
จริงๆแล้วเราสนับสนุนเขานะ ถ้าดูตอนไลฟ์สดเราจะพูดสนับสนุนเขาทุกครั้ง พูดถึงยอดที่เขาได้รับบริจาค
แต่เรื่องในวันนั้นอาจารย์ลีน่าโดนพวกโรคจิตที่ชอบเข้ามาด่ามาป่วนเยอะมาก เราก็คิดว่าสายนั้นคงจะเป็นโรคจิตเข้ามาป่วนก็เลยพูดจาแบบกวนตีนใส่โรคจิตไง ยอมรับว่าตัวเองแก่แล้วอายุก็ 59 แล้วก็มีความจำเสื่อมตามประสาคนวัยสูงอายุ
ก็เลยจำไม่ได้ว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาป่วนนั้นคือใคร และเป็นจังหวะที่ประจวบเหมาะที่เรากำลังไลฟ์สดจึงมีคลิปหลุดออกอากาศไปอย่างที่เห็น ความซวยก็เลยตกมาอยู่ที่เรา
จริงๆ แล้วเรื่องตูนวิ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและอยากฝากให้รัฐบาลผู้มีอำนาจบริหารประเทศช่วยดูแลงบประมาณในการซื้อเครื่องมือแพทย์ให้ทั่วถึงเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะในรัฐธรรมนูญมีเขียนไว้เลยว่า “รัฐจะต้องให้การรักษาพยาบาลฟรี”
ส่วนที่พูดว่าตูนจะเล่นการเมืองนั้น อาจารย์ลีน่าชงให้เพราะมองว่าตูนอายุเริ่มมากแล้ว การจ้างงานเล่นคอนเสิร์ตอาจจะมีน้อยลงตามวัย ซึ่งการที่ตูนออกมาวิ่งแบบนี้ได้ใจคนทั้งประเทศ ถ้าลองหันมาเล่นการเมืองสมัครเป็น ส.ส. แล้วชูนโยบายเพื่อประชาชน
อาจารย์ลีน่าจังคิดว่ามีคนเลือกแน่นอน ถ้าได้เป็นหลายสมัยอาจจะก้าวไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่เขาทำประชาชนยอมรับและชื่นชมกันทั้งประเทศ ถ้าลงสมัคร ส.ส. ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้
ซึ่งแต่ก่อนอาจารย์ลีน่าจังเคยวิจารณ์ ตั๊ก บงกช ว่าแต่งงานไม่มีทะเบียนสมรส ซึ่ง ตั๊ก ก็เลยเอาไปบอกสามีว่าอาจารย์วิจารณ์แบบนี้ จนในที่สุดเจ้าสัวเขาก็เลยจดทะเบียนสมรสให้ ตั๊ก เห็นไหมว่าอาจารย์ลีน่าชงให้ก็เลยกลายเป็นเรื่องดีไปเลย
ในฐานะที่เคยลงเล่นการเมือง จะมีการจัดการกับปัญหาการขาดแคลนเครื่องมือแพทย์อย่างไร
คืองบโรงพยาบาลเขาให้น้อยเกินไปเพราะว่ารัฐบาลอาจมองว่าไม่จำเป็นเท่าที่ควร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการบริหารของแต่ละรัฐบาลสมัยนั้นๆ ถ้าจะมาหวังแต่ให้ตูนวิ่งเพื่อรับเงินบริจาคของประชาชน คิดว่าไม่ใช่จุดที่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องมามองว่ารัฐบาลควรเพิ่มงบในการซื้อเครื่องมือแพทย์โดยเฉพาะ
และไม่นำไปเกี่ยวข้องกับส่วนใดให้แยกต่างหากเป็นวาระสำคัญแห่งชาติไปเลย เพื่อคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนจะได้ดีขึ้น ซึ่งอาจารย์ลีน่ามองว่าในแต่ละปีงบบริหารประเทศบางส่วนให้เยอะเกินไป คิดว่าไม่จำเป็น ควรเจียดส่วนนั้นมาตั้งเป็นงบใหม่เพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์แจกจ่ายให้กับทุกโรงพยาบาลจะดีกว่า
หากวันหนึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะบริหารประเทศอย่างไร
สำคัญที่สุดต้องเรื่องเศรษฐกิจ เพราะถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น คนทำมาหากินง่ายขึ้น ประชาชนก็จะได้มีโอกาสเข้าถึงในการรับการรักษาที่ดีขึ้นอย่างเช่น โรงพยาบาลเอกชน เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเรื่องปากท้องของประชาชนสำคัญที่สุด ถ้าเศรษฐกิจดีประชาชนก็จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโรคภัยก็ไม่ถามหา
ทุกวันนี้ประชาชนป่วยเพราะอะไร เพราะไม่มีจะกิน เครียด จึงทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งความเครียดนี่แหละทำให้สุขภาพของเราไม่แข็งแรง เพราะฉะนั้นเนี่ยเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดเลยที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ชาวเน็ตวิจารณ์ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า ทำไมถึงต้องวิจารณ์หรือด่าทุกเรื่อง
มันคือการแสดงค่ะ อาจารย์ลีน่าพอไลฟ์สดแล้วด่าใครเรื่องอะไร ลูกเพจเขาจะสนุกแล้วมีอารมณ์ร่วมมีความสุข ถึงขั้นที่หลายคนต่างพูดว่า “ถ้าใครโดนคุณแม่ลีน่าด่า คนนั้นจะดังจะเกิด ดังเป็นพลุแตก คนก็เลยชอบให้เราด่าเพราะถ้าโดนด่าแล้วจะดังจะเกิด”
เชื่อหรือไม่ว่ามีคนมาจ้างให้คุณแม่ลีน่าจังด่าด้วยนะ ราคาจ้างตั้งเป็นหมื่นๆ ก็มี เพราะบางครั้งก็เอาไปสร้างกระแสต่อยอดความดังกันไป
ส่วนกรณีตูนยอมรับว่าพลาดไปจริงๆ เพราะใจจริงเผลอไปกวนตีนคนที่โทรเข้ามาป่วนเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจด่าตูนเลย แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเองโดนคนทั้งประเทศกว่า 10 ล้านคนรุมด่า ถึงขั้นที่ว่าหากไปภาคใต้มีคนรอรุมกระทืบเพียบ
“ซวยส่งท้ายปี ซวยฉิบหาย โดนคนด่าทั้งประเทศ จะมีคนตบเราด้วยถ้าไปภาคใต้ มีคนบอกว่ามาเหยียบเมื่อไหร่โดนกระทืบแน่ ต๊ายตาย ทำไมโหดร้ายกับฉันอย่างนี้เนี่ย”
เห็นว่าบริจาคเงินให้โครงการก้าวคนละก้าวสี่หมื่นกว่าบาท
บริจาคหมดตัวเลย ในกระเป๋ามีเท่าไหร่ ในตู้นิรภัยมีเท่าไหร่ ก็เอามาบริจาคให้ตูนหมดเลย ถึงขนาดที่ขากลับต้องยืมเงินคนแถวบ้านเพื่อจ่ายค่าวินมอเตอร์ไซค์ และทีนี้มีคนบอกว่าให้อาจารย์ลีน่าจังเอาเงินสดไปบริจาคกับมือตูนเลย
เพราะถ้าเราเอาเงินใส่ตู้หรือโอนเข้าบัญชี ก็จะมีคนไม่เชื่อหาว่าเราโกหกอีก เราจึงประกาศไปเลยว่ายอดเงินบริจาคจำนวน 48,185 บาท หมดตัวเลยนะ จริงๆ ไม่โกหก
ท้ายนี้อยากฝากบอกตูนว่าขอสนับสนุนที่ตูนออกมาวิ่งเพื่อประชาชน ปีหน้าอยากให้ตูนออกมาวิ่งอีกเพื่อจะได้เงินไปทำประโยชน์ให้กับประชาชน และช่วยให้ประชาชนออกกำลังกายมาวิ่งกับตูนจะได้ไม่ป่วยกันและมีสุขภาพแข็งแรง
เรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ตระหนักคิดได้ว่าคำพูดที่ออกจากปากโดยขาดการไตร่ตรองนั้น สร้างผลเสียได้มากมายขนาดไหน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่เมื่อพูดออกไปโดยไม่คิด หายนะก็จะมาเยือนอย่างแน่นอนแล้วจะ ปัง ดัง แบบไม่รู้ตัวจริงๆ