หนุ่มเครียดแค้นสะสม ชักปืนยิงทิ้ง 3 ศพ ร้านข้าวต้มดังเมืองปาย
ลูกเขยเจ้าของโรงแรมติดร้านข้าวต้มดังเมืองปาย ลากปืนสังหารเจ้าของร้าน เมีย และหลาน ตายคาที่ 3 ศพ ขณะที่คนเมืองปายเศร้า หวั่นมีเหตุอีกเพราะธุรกิจบันเทิงกลางคืน
(5 ม.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พลตำรวจตรี ปรีชา วิมลไชยจิต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สภ.ปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ได้เกิดเหตุยิงกันตาย บริเวณร้านข้าวต้ม 25 น.และโรงแรมเรือนแฝด 2 ติดถนนหลวงหมายเลข 1095 ปาย – เชียงใหม่ หมู่ 8 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ
จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.รัชพล นุ้ยป้อม พนักงานสอบสวนเวร สภ.ปาย ได้รับแจ้งเหตุจากนายกิตติ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยเจ้าของโรงแรมเรือนแฝด 2 แจ้งเหตุว่าตนได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. และ ปืนลูกซองยาวยิง นายบัณฑิต อายุ 45 ปี เจ้าของร้านข้าวต้ม 25 น. พร้อมด้วย นางเยาวลักษณ์ อายุ 46 ปี ภรรยานายบัณฑิต และ นายธนากร หลานชาย อายุ 44 ปี ทำให้เสียชีวิตคาที่
โดยก่อนเกิดเหตุได้มีการยิงปืนขึ้นฟ้า บริเวณหน้าโรงแรมเรือนแฝด 2 ทำให้ นายบัณฑิต และ นายธนากร ลูกจ้างในร้าน ได้เดินทางไปต่อว่า นายกิตติ ซึ่งเป็นลูกเขยของเจ้าของโรงแรมเรือนแฝด 2 และมีหน้าที่ดูแลกิจการในโรงแรมดังกล่าว ทำให้นายกิตติ บันดาลโทสะใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ยิงใส่ นายบัณฑิต และ นายธนากร จนเสียชีวิตคาที่
จากนั้น นายกิตติ ผู้ก่อเหตุ ได้กลับเข้าไปในห้องแล้วนำปืนลูกซองยาว เดินมาที่ร้านข้าวต้ม 25 น.และใช้อาวุธปืนยิง นางเยาวลักษณ์ จนเสียชีวิตเป็นรายที่ 3
ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ก่อนหน้านั้น นายกิตติ กับ นายบัณฑิต ได้มีปากเสียงทะเลาะกันมานานนับปี สาเหตุมาจากเรื่องเสียงดังในร้านข้าวต้มไปรบกวนแขกที่พักโรงแรม แขกต้องเช็คเอ้าท์ออกโรงแรมกลางดึก ส่งผลให้โรงแรมขาดรายได้ นอกจากนั้น แขกที่มีทานอาหารที่ร้านข้าวต้ม ส่วนใหญ่จะมีอาการมึนเมากินเหล้าและข้าวต้มส่งเสียงดังมาก รวมไปถึงแขกส่วนหนึ่งนำรถไปจอดในที่จอดรถของโรงแรม ทำให้ผู้เข้าพักเมื่อกลับมาไม่มีที่จอดรถ ทำให้นายกิตติเกิดความเครียดแค้นสะสม จนกระทั่งก่อเหตุโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นในครั้งนี้
นอกจากนี้ แหล่งข่าวในเมืองปายที่เคยร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.ปาย ระบุว่า สาเหตุหนึ่งมาจากการเปิดสถานบันเทิงเกินเวลาและเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมายาวนาน ทั้งนี้ถึงแม้ร้านข้าวต้มจะไม่ใช่สถานบันเทิง แต่แขกที่มาทานข้าวต้ม ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เป็นนักเที่ยวที่ไปท่องราตรีจนร้านปิดและพากันมากินเหล้าที่ร้านข้าวต้มต่อ มีการกินต่อเนื่องไปจนถึงรุ่งเช้า ส่งผลกระทบต่อผู้ที่อาศัยข้างเคียงได้รับผลกระทบ กลายเป็นเหตุสลดขึ้นมาในครั้งนี้