"วู้ดดี้" กลืนน้ำลายตัวเอง? แจงหวนเป็นพิธีกรทีวี แค่ลองเป็นลูกจ้างดูบ้าง

"วู้ดดี้ มิลินทจินดา" จะตอบว่ายังไง หลังจากที่เคยประกาศชัดเจน เลิกทำรายการโทรทัศน์อีกต่อไปแล้ว แต่ข้ามศักราชใหม่กลับมีรายการผุดขึ้นถึง 2 ช่อง งานนี้เจ้าตัวออกมาชี้แจง เพราะแค่อยากเป็นลูกจ้างคนอื่นลองดูบ้าง ยืนยันเป็นจังหวะและโอกาสที่ดี ยอมรับงานเพราะออนแอร์หลายช่องทาง หากให้ทำรายการออนแอร์ทางทีวีอย่างเดียว...ก็คงไม่ทำอีกต่อไปแล้ว

"ตอนนี้ผมรับจ้างเป็นแค่เพียงพิธีกรครับ มันเป็นความรู้สึกคันครับ เราอยากลองเป็นลูกน้องคนอื่นดูบ้างว่ามันจะเป็นยังไง เพราะเราเคยสั่งงานมาตลอดทั้งชีวิต พอลองมาเป็นคนที่ถูกสั่งดูบ้าง คือสนุกมากครับ เขาให้เกียรติเราด้วย เขาบอกตรงๆ เลยว่าบางอย่างที่เราพูดไปมันยังไม่โอเคนะ พอมีคนมาบอกเราแบบนี้เราก็รู้สึกดีดขึ้น รู้สึกได้พัฒนาตัวเอง ดีกว่าทำรายการเอง เป็นนายตัวเอง"

"คือบางทีลูกน้องก็จะไม่บอกเลย ผมจะมีบุคลิกที่ชอบกะพริบตาถี่มาก กับอีกอย่างคือติดท่าเกาจมูกตัวเอง เป็นบุคลิกที่เราก็ไม่คิดว่าเราทำบ่อย กระทั่งเขามาบอกกับเรา แล้วยังมีหลายๆ อย่างที่เขามาบอกเรา เช่น เราพูดเร็วมากๆ ทำให้เสียงแหบ ทำให้ได้ค้นพบตัวเองจากรายการ The Wall ทางช่องวัน"

"ส่วนอีกรายการหนึ่งที่ช่องเวิร์คพอยท์ รอคอยมานานแล้วครับ แต่เขาก็อยากได้ทอล์กโชว์ดีๆ จากวู้ดดี้สักรายการ คือผมมองว่าตัวเองหมดเวลาที่จะทำอะไรที่้เป็นรายวันตามกระแสแบบนั้นไปแล้ว ทำให้รายการ Woody World เป็นรายการที่ประณีตขึ้น เป็นโลกที่รอบตัววู้ดดี้ เราอยู่ในวัยที่เรามองว่าทุกอย่างมันน่าสนใจไปหมด มันจะไม่ใช่ทอล์กโชว์ แต่จะเป็นแชร์ริ่งโชว์มากกว่า"

"สิ่งเดียวที่ผมเกร็งมากเลย คนจะถามว่ารายการจะแซ่บไหม ผมบอกได้เลยว่า...ไม่แซ่บครับ ไม่แรงครับ แต่ละมุนและนอนหลับแล้วอมยิ้ม ตื่นมาเช้าวันจันทร์จะมีความคิดอยากทำอะไรกับชีวิตมากขึ้น ผมไม่ได้มองว่าไม่ได้ล้างมือ ผมว่าความแซ่บมันอยู่ได้แค่ชั่วคราว ตั้งแต่ผมทำรายการทีวีมาผมพลาดมากๆ ที่ลืมมองไปว่าคนดูจะได้อะไร เลยอยากสร้างความแตกต่างให้มากขึ้น"

"คือรายการผมจะออนแอร์ทั้งโทรทัศน์และทางโซเชียลมีเดีย เมื่อก่อนมีแค่โทรทัศน์ แต่คราวนี้ผมกลับมามีถึง 4 ช่องทางพร้อมกันเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่กลับมาทำรายการอีกครั้ง คือถ้ามาจ้างให้ทำรายการที่ไม่ได้ออนแอร์บนโซเชียลเลย จ้างให้ผมก็ไม่ทำครับ"

"เอาตรงๆ นะครับ รายได้จากการทำรายการทางโซเชียลของผม เยอะกว่าตอนทำรายการทางโทรทัศน์อีกครับ คือโทรทัศน์เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะกระจายคนดูได้ดีครับ แต่เรื่องรายได้ก็สู้กับทางโซเชียลไม่ได้ครับ รายการของผมก็อยากให้ทุกคนดูและมีความสุข แค่นี้ก็พอแล้วครับ"