ญาติร้องสื่อหลานสาวถูกฆ่าโหด ค้อนทุบหัวคาบ้านแฟน แต่ปิดข่าว
ญาติของหญิงสาววัย 17 ปี ร้องเรียนกับสื่อ หลังหลานถูกใช้คอนทุบหัวตายอย่างทารุณคาบ้านพักแฟนหนุ่ม ตำรวจสั่ง ว.5 ปิดข่าวเงียบ-สื่อก็ไม่ทราบ เกรงคดีจะไม่คืบ
(6 ม.ค.) นายธีระพงศ์ อายุ 30 ปี อาชีพเป็นขายของออนไลน์ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เดินทางเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าหลานสาวคือ “น้องฟอยด์” อายุ 17 ปี ถูกฆาตรกรรมอย่างเหี้ยมโหด ด้วยการใช้ค้อนปอนด์ทุบเข้าที่ศีรษะอย่างทารุณ เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ภายในบ้านพักของแฟนหนุ่ม ด้านหลังอุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
นายธีระพงษ์ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าหลานสาวถูกฆาตกรรมเสียชีวิต จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุซึ่งห่างจากบ้านพักประมาณ 500 เมตรเท่านั้น แต่พบว่าช่วงนั้นไม่มีสื่อมวลชนมาติดตามนำเสนอข่าวแต่อย่างใด ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่แจ้งไว้ว่าเป็น ว.5 ที่ทราบในภายหลังว่า เป็นโค้ดที่หมายถึง “ความลับ” จึงรู้สึกสงสัยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทารุณลักษณะนี้ เหตุใดจึงมีการปิดข่าวเอาไว้
อีกทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ก็นำตัวคนในบ้าน 3 คนไปสอบปากคำ ประกอบด้วย แฟนของผู้ตาย พี่ชาย และพี่สะใภ้ของแฟนผู้ตาย พร้อมกับตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐานเป็นค้อนปอนด์ขนาดเล็ก 1 อัน โดยหลังจากสอบปากคำทั้งหมดทางเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวทั้ง 3 คนกลับบ้านไป และนำใบบันทึกประจำวันออกมาให้กับญาติผู้ตาย
ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่าได้แจ้งข้อกล่าวหา นายณัฐพล อายุ 18 ปี แฟนของผู้ตายโดยกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ นายณัฐพล ให้การภาคเสธ โดยให้การว่าที่ทำลงไปเพราะเข้าใจผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่จะเข้ามาลักทรัพย์สินยามวิกาลในบ้าน เนื่องจากจำผู้ตายไม่ได้ เพราะสวมเสื้อคลุมใบหน้าไว้จนมิดชิด ก่อนจะก่อเหตุใช้ค้อนปอนด์ทุบที่ศีรษะผู้ตาย 4 ครั้ง จนถึงแก่ความตาย
เหตุดังกล่าวทำให้ตนและญาติๆ ไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุการณ์ฆาตกรรมเหี้ยมโหดขนาดนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยไปอย่างง่ายดาย ที่สำคัญ 1 ใน 3 คนก็มีผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงด้วย อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่แจ้งรายละเอียดด้านคดีให้กับญาติมากนัก
นอกจากนี้หลังผ่านเวลาไปไม่นาน ญาติและเพื่อนผู้ตายได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับมีผู้ต้องสงสัยบางคนมีการแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวว่า “พวกกูทำใครมีปัญหาวะ” จึงรู้สึกไม่สบายใจ และเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า จึงเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมจากสังคมและนายตำรวจระดับสูงให้ช่วยเร่งรัดคดีให้ด้วย