มอบตัวแล้ว พลทหารยิงเสี่ยรับเหมาดับคาด่าน ตำรวจยันไม่จับแพะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดี นายศรชัย อายุ 35 ปี เสี่ยรับเหมาที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะขับรถยนต์ลงจากบ้านพักในหมู่บ้านห้วยน้ำขุ่น ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มาตามถนนสายบ้านห้วยน้ำขุ่น–บ้านแม่ต๋ำ ขณะผ่านด่านบริการช่วงเทศกาลปีใหม่ เมื่อคืนวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา
เบื้องต้น ทางตำรวจได้ทำการสอบสวนและได้ขอให้ศาล จ.เชียงราย อนุมัติหมายจับ นายวุฒิชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ต.ท่าก๊อ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาไปแล้วก็ตาม จนกระทั่งทางญาติผู้ตาย เชื่อว่าการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะจับผิดตัว และน่าจะมีผู้ร่วมกระทำความผิดร่วมด้วย จนทางญาติต้องเดินทางไปร้องเรียน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดี โดยมี พ.ต.อ.วีรยุทธ ประสบชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย เป็นหัวหน้าชุดในการควบคุมการสอบสวนคดี
วานนี้ ศาลมณฑลทหารบกที่ 37 จ.เชียงราย ได้อนุมัติหมายจับ พลทหารวันชัย สังกัดกรมทหารราบที่ 17 ค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช จ.พะเยา ตามที่พนักงานสอบสวน สภ.แม่สรวย ยื่นคำร้องต่อศาลว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
ล่าสุดวันนี้ (12 ม.ค.) ผู้บังคับบัญชานำตัวพลทหารไปมอบตัวให้พนักงานสอบสวนที่ตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงราย ก่อนจะส่งตัวมาสอบสวนที่ สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ออกมาเปิดเผยกับทางสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นกับ พลทหารวิชัย และยืนยันว่าผู้ต้องหาคนนี้เป็นผู้ต้องหาตัวจริงเพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน ทั้งคำให้การรับสารภาพ,วัตถุพยาน และพยานบุคคล ซึ่งหลังมอบตัวแล้วในเวลานี้ได้มีการรับตัวส่งต่อไปยังจังหวัดเชียงรายแล้ว เชื่อมั่นว่าสามารถสั่งฟ้องได้ตามหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนจะมีการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่ จะมีการพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย
ส่วนประเด็นที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ต้องหารายนี้อาจจะไม่ใช่ตัวจริงนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ย้ำว่า ผู้ต้องหารายนี้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงจริง โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากเห็นว่านายศรชัย ขับรถยนต์แหกด่านไป ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไป พร้อมระบุด้วยว่าในวันเกิดเหตุมีทหารที่อยู่ที่ด่านดังกล่าว 2 นาย แต่มีเพียง 1 นายเท่านั้นที่ถือปืนอยู่ และผลการตรวจพิสูจน์กระสุนและอาวุธปืนก็พบว่าตรงกัน
ในส่วนของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่เป็นผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งนั้น ยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริงเช่นกัน เพียงแต่ว่าคนละข้อหาเท่านั้น ซึ่งทุกอย่างจะดำเนินการไปตามกระบวนการกฎหมายและพยานหลักฐาน โดยเบื้องต้นมีผู้ต้องหาเพียงเท่านี้ อย่างไรก็ตามหากมีการขยายผลพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดอีกก็จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย