ยิงหัวแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวดับปริศนา ลูกชายนอนอยู่ข้างๆ ล่าสุด สามีสารภาพ อ้างปืนลั่น
![ยิงหัวแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวดับปริศนา ลูกชายนอนอยู่ข้างๆ ล่าสุด สามีสารภาพ อ้างปืนลั่น](http://s.isanook.com/ns/0/ud/991/4958062/1.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 23.00 น. สภ.คลองหลวง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตสาเหตุถูกยิง ที่เกิดเหตุภายในบ้านไม่มีเลขที่ กลางซอยเทพกุญชร 36 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักแบบชั้นเดียว ปลูกบนสถานที่เช่าข้างหอพักกลางซอยเทพกุญชร 36 บริเวณกลางบ้านบนผ้าปูนอนพบศพนางพรรณี อายุ 40 ปี แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่หัวคิ้วซ้ายทะลุท้ายทอย คมกระสุนถูกอวัยวะสำคัญทำให้เสียชีวิต
ข้างกันพบกระสุนปืนขนาด 38 มม. พร้อมใช้ ตกอยู่จำนวน 3 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ห่างไปประมาณ 5 เมตร นอกตัวบ้านพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก ภายในช่องกระสุนพบปลอกกระสุนใช้แล้ว 1 ปลอก และยังพบซองปืนและสปีดโหลดที่ใช้บรรจุกระสุนเข้าโม่ปืนตกอยู่ โดยบริเวณหน้าประตูเข้าบ้านพบสามีและญาตินั่งกอดกันร่ำไห้
จากการสอบสวน พยานซึ่งเป็นญาติของนายวสันต์ อายุ 35 ปี สามีผู้เสียชีวิต ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองนอนอยู่ในบ้าน และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่น้องชายที่กำลังอาบน้ำจะวิ่งเข้าไปในบ้าน และพบภรรยาของน้องชายใช้ปืนยิงตนเองเสียชีวิต โดยน้องชายตนเองได้เขวี้ยงปืนออกมาด้านนอกด้วยความตกใจ
ด้าน พ.ต.ท.ฐานพันธ์ เฉลิมพัชรพรกุล รอง.ผกก.สส.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญ นายวสันต์ อายุ 35 ปี สามีผู้เสียชีวิต มาสอบปากคำที่ สภ.คลองหลวง และยังให้การวกวน
ซึ่งจากการสอบสวนพยานทราบว่า ก่อนหน้านี้สามีภรรยาคู่นี้ได้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เพราะฝ่ายชายเกรงว่าฝ่ายหญิงจะไปมีสามีใหม่ ทั้งที่ทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง 2 คน และขณะที่เกิดเสียงปืนดังขึ้นลูกชายวัย 13 ขวบ ก็นอนอยู่ข้างมารดา
ล่าสุด นายวสันต์ ผู้เป็นสามี ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้นำอาวุธปืนออกมาเล่นแล้วปืนเกิดลั่น จึงเป็นเหตุให้ภรรยาเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อ จึงได้ให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตและจะได้สอบปากคำสามีอย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป