ผ่าซาก "เจ้าด้วน" ช่างป่ากุยบุรี พบกระสุนปืนไรเฟิลฝังเบ้าตาซ้าย
สัตวแพทย์ผ่าซากเจ้าด้วนช้างป่ากุยบุรี พบกระสุนปืนไรเฟลเจาะเบ้าตาซ้าย และกระสุนลูกซองเบอร์ 12 ที่สะโพกซ้าย
(13 ม.ค.) สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมทีมสัตวแพทย์ เดินทางลงพื้นที่บ้านพุบอน หมู่ที่ 8 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อผ่าซากเจ้าด้วน ช้างป่า เพศผู้ งาสวยงาม อายุกว่า 20 ปี ที่พบนอนตายในลำธารกลางป่าเมื่อวานนี้
โดยสัตวแพทย์หญิงกนกวรรณ ตรุยานนท์ ได้ตรวจสอบสภาพซากเจ้าด้วน ด้านขวาเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติ จากนั้นขอให้ชาวบ้านช่วยกันพลิกตัวช้างป่ากลับด้านเพื่อตรวจด้านซ้าย แต่การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเจ้าด้วนมีขนาดตัวใหญ่และนอนตายอยู่กลางลำธารขนาดเล็กโดยรอบมีต้นไม้ขึ้นรก ต้องตัดถางก่อนจะใช้รอกมือช่วยกันชักพลิกด้านได้สำเร็จใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี ได้จุดธูปเทียนดอกไม้เพื่อไหว้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในป่าและเจ้าด้วน ช้างป่าเคราะห์ร้ายเป็นการทำพิธีก่อนดำเนินการถอดงาทั้ง2 ข้างออก ซึ่งแต่ละข้างยาวประมาณ 80 เซนติเมตร ลักษณะใหญ่โค้งสวยงาม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ EOD ตชด.14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ได้ใช้เครื่องสแกนโลหะ จำนวน 2 เครื่อง ทำการสแกนซากเจ้าด้วน กระทั่งเครื่องสแกนโลหะส่งเสียงร้องเตือนว่าพบวัตถุโลหะที่บริเวณเบ้าตาด้านซ้าย และที่สะโพกขาซ้าย จึงได้ลงมือผ่าเพื่อหาวัตถุโลหะในบริเวณดังกล่าว ทำให้พบว่าหัวกระสุนลูกซอง เบอร์ 12 ที่สะโพก ที่บริเวณผิวหนังช้าง จำนวน1หัว และกระสุนปืนไรเฟิลที่เบ้าตาซ้ายลึก13เซนติเมตร นำส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะนี้ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการผ่าซากโดยเก็บชิ้นเนื้อได้แก่ ตับปอด ไต หัวใจ หลอดลม อาหารในกระเพาะ เพื่อนำไปส่งตรวจหาสารพิษหรือเคมี รวมถึงภาวะแทรกซ้อนจากการเจ็บป่วย
โดยสัตวแพทย์หญิงกนกวรรณ ได้รายงานการผ่านซากช้างป่าให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่มาติดตามการทำงานของทีมสัตวแพทย์ โดยระบุว่า ในเบื้องต้นพบการติดเชื้อที่บริเวณหลอดลมส่วนต้น มีอาการช้ำแดง มีจุดเลือด และพบหนอนความยาวกว่า 3 เซนติเมตร จำนวนมาก ซึ่งหมายถึงภาวะติดเชื้อก่อนการตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่สัตวแพทย์เป็นห่วงเพราะอาจหมายถึงการติดเชื้อจากสารพิษหรือสารเคมี ที่ช้างป่ากินเข้าไป หรือเกิดจากภาวะเจ็บป่วยแทรกซ้อน โดยยังไม่สามารถระบะสาเหตุการตายของเจ้าด้วนในทันที ต้องรอผลตรวจพิสูจน์ชิ้นเนื้อจากห้องปฏิบัติ ที่มหาวิทยาลัยมหิดลก่อน โดยคาดว่าจะใช้เวลาราว 30 วัน โดยหลังจากผ่าซากช้างป่าเสร็จแล้วจะต้องฆ่าเชื้อซากช้างและบริเวณโดยรอบ รวมถึงลำธารทีเลือดช้างป่าไหลไปปนกับน้ำโดยใช้ปูนขาวและ EM.เป็นตัวฆ่าเชื้อโรค เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าชนิดอื่นติดเชื้อโรคได้
อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ทางอำเภอกุยบุรีและชาวบ้านหาดขาม ได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 4 รูป มาทำพิธีสวดบังสกุลให้กับเจ้าด้วน เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับช้างป่าเคราะห์ร้ายตัวดังกล่าว เนื่องจากช้างป่าเป็นสัตว์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง และที่ผ่านมาทุกครั้งที่พบช้างป่าตาย ชาวบ้านกุยบุรีจะทำบุญให้กับช้างป่าทุกตัว
ด้าน พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้ให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงหัวกระสุนปืนที่ผ่าได้จากซากช้างป่า ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว เพื่อหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนแล้ว