ย้อนรอยคดีดัง ณิชา สาวออฟฟิศ ถูกคนร้ายฉกบัตร ปชช. เปิดบัญชีลวงโลก
ย้อนดูเหตุการณ์คดีดังที่ดูจะได้รับความสนใจของคนในสังคมเพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก จากเหตุการณ์ของ น.ส.ณิชา อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชน ถูกขโมยบัตรประชาชนและไปเปิดบัญชีธนาคารและนำไปก่อเหตุเป็นคดีฉ้อโกงพัวพันกับแก๊งโรแมนซ์สแกม สวมบัตรเปิดบัญชี ถึงวันนี้ น.ส.ณิชา ได้รับการปล่อยตัวแล้วหลังถูกจับกุมในคดีนี้ พร้อมกับออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง เนื่องจากตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์จริงบัตรประชาชนของตัวเองถูกคนร้ายขโมยไปนำไปเปิดบัญชีธนาคาร
ซึ่งหากมาไล่เรียงคดีดังกล่าว คาดว่าใกล้คำว่าชัดเจนแล้ว เพราะจากคำชี้แจงของผู้เสียหาย จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายที่นำบัตรประชาชนเธอไปเปิดบัญชีธนาคารได้แล้ว และล่าสุด ตำรวจสามารถทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์
26 ธ.ค. 51 น.ส.ณิชา ทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรก
31 ม.ค. 57 น.ส.ณิชา ขอทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งที่ 2
18 ก.ย. 60 น.ส.ณิชา ขอทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งที่ 3 แจ้งว่าบัตรหายจึงขอทำใหม่
6 ต.ค. 60 น.ส.ณิชา แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำกระเป๋าเงินหาย และมีบัตรประจำตัวประชาชนอยู่ในนั้น
7 ต.ค. 60 น.ส.ณิชา ทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งที่ 4
21 ธ.ค. 60 คนร้ายใช้บัตรประจำตัวประชาชนที่ น.ส.ณิชา ทำเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 57 ไปเปิดบัญชีธนาคากสิกรไทย สาขาเดอะมอลล์บางแค และธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเดียวกัน
23 ธ.ค. 60 คนร้ายใช้บัตรประจำตัวประชาชนที่ น.ส.ณิชา ชา ทำเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 57 ไปเปิดบัญชีธนาคารทหารไทย สาขาซีคอน บางแค และเปิดบัญชีธนาคารธนชาต สาขาสีลม หลังจากนั้นคนร้ายนำบัญชีที่เปิดรวมทั้งสิ้น 9 บัญชี 7 ธนาคาร ไปโอนเงินของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
28 ธ.ค. 60 ศาลออกหมายเรียก น.ส.ณิชา แต่เธอไม่อยู่บ้าน
4 ม.ค. 61 เจ้าหน้าตำรวจเดินทางไปยังบริษัทที่เธอทำงานพร้อมหมายจับ แต่เธอไม่อยู่
6 ม.ค. 61 น.ส.ณิชา เดินทางไปยังกองปราบปราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ตำรวจกองปราบจับกุมตัวเธอไปส่ง จ.ตาก ตำรวจ สภ.บ้านตาก จ.ตาก นำตัวเธอ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงไปฝากขังผลัดแรกที่ศาล จ.ตาก
7 ม.ค. 61 นายจิระศักดิ์ สุดสังข์ ทนายความของ น.ส.ณิชา นำหลักฐานเข้ายื่นต่อศาล
8 ม.ค. 61 ทนายยื่นเอกสารเพิ่มเติม จนน.ส.ณิชา ได้รับการประกันตัวออกมา รวมติดคุก 3 วัน
9 ม.ค. 61 น.ส.ณิชา ต้องการฟ้องร้องธนาคาร 7 แห่งที่ปล่อยให้มีการเปิดบัญชี จนทำให้เธอเสียชื่อเสียง เตือนผู้ทำบัตรหายให้แจ้งความ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานขอข้อมูลวงจรปิดและการเปิดบัญชีไปยังธนาคาร
10 ม.ค. 61 สมาคมธนาคารไทย และผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ ออกมาแจ้งกระบวนการทำงานของพนักงานธนาคารเมื่อมีการขอเปิดบัญชี ด้าน น.ส.ณิชา ไปยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ยืนยันไม่ได้เป็นบัญชีที่ถูกนำไปกระทำ ขณะที่พีสาวของ น.ส.ณิชา ตั้งข้อสังเกตทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมน้องสาวของเธอ และในสำนวนยังไม่บันทึกว่าน้องสาวของเธอเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง
12 ม.ค. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า น.ส.ณิชา เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหา เพราะยังพบข้อสงสัยหลายอย่าง ทั้งทำบัตรประจำตัวประชาชนหายบ่อย และมีเงินหมุนเวียนในบัญชีของเจ้าตัวเอง 6 ล้านบาท ด้าน น.ส.ณิชา ให้ข้อขมูลเพิ่ม ยอมรับทำบัตรหาย 3 ครั้ง และยินดีเข้าเครื่องจับเท็จ อย่างไรก็ตามเธอต้องไปรายงานตัวที่ศาล จ.ตาก ทุก 6 วัน
13 ม.ค. 61 เวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (กก.สส.บก.น.) จับกุม น.ส.ปวีณา (ไม่ทราบนามสกุล) ยอมรับนำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชี โดยได้รับการว่าจ้าง 10,000 บาท จากนายไซม่อน ให้เปิด 5 บัญชี แต่สุดท้ายได้เงินเพียง 4,000 บาท
โดยเจ้าหน้าที่ส่งตัว น.ส. ปวีณา ให้พนักงานสอบสวน สน.หลักสอง และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพราะเป็นพื้นที่ ที่มีการกดเงินสดไปใช้
14 ม.ค. 61 น.ส.ณิชา ชี้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเงิน 6 ล้านบาทในบัญชีเป็นเงินของครอบครัวที่ได้มาจากการทำธุรกิจ และอยู่ในบัญชีตั้งแต่เธออายุ 18 ปี ตั้งแต่ตอนนั้น มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเดือนละ 1 แสนบาท และขอยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เงินกับการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งยังไม่เคยติดต่อหรือรู้จักกับผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจคุมตัวมาสอบ
15 ม.ค. 61 น.ส.ณิชา ยังอยู่ในสถานะผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชนของตำรวจ สภ.บ้านตาก จ.ตาก ทั้งนี้เมื่อมีการรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว เธอจะเปลี่ยนเป็นสถานะใด ต้องรอผลสรุปของพนักงานสอบสวน
16 ม.ค. 61 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เผยจับผู้ต้องหาที่นำบัตรประชาชน น.ส.ณิชา ครบ 3 คน เป็น ตัวสั่งการให้หาบัตร 1 คน คนรับจ้างเปิด 2 คน สอบสวนเบื้องต้นพบเป็นขบวนการแก๊งโรแมนซ์สแกม สวมบัตรเปิดบัญชี ไม่ใช่ลักษณะการโทรศัพท์หลอกลวงเหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหมือนที่เคยมีการจับกุม ทั้งนี้ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง และยังตั้งข้อสังเกตการทำบัตรประชาชนใหม่บ่อยครั้งของครอบครัว น.ส.ณิชา รวมถึงเส้นทางการเงินต่างๆ
และวันนี้้ 17 ม.ค. 61 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำแถลงจับแก๊งสวมบัตร ยืนยัน ณิชา เป็นเพียงแค่เหยื่อ ส่วนเงินบัญชี 6 ล้านบาทไม่โยงผู้ต้องหา แต่เป็นเงินจากการทำธุรกิจ
เรียกว่าวันนี้เธอพ้นมลทินแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าหลังจากนี้ น้องณิชา จะดำเนินการอย่างไร มีการฟ้องร้องอะไรหรือไม่ ต้องติดตาม