อาร์ต พศุตม์ เปิดใจหลังเข้าแจ้งความ กรณีเพจดังนำภาพไปลงเสื่อมเสีย
ตั้งโต๊ะแถลงข่าวผ่านรายการเรื่องใหญ่ไฟกระพริบ ทางช่อง GMM 25 สำหรับกรณีที่พระเอกหนุ่ม “อาร์ต พศุตม์” ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจเมื่อสองวันที่แล้ว หลังถูกสองเพจนำรูปตนไปใช้ประกอบข่าวสองดาราชายอักษรย่อ อ.อ่าง และ พ.พาน ขโมยเงินลูกผู้จัดในบ้านพัก ซึ่งทำให้หลายคนสามารถตีความและทำให้ตนได้รับความเสียหายจากข่าวที่เกิดขึ้นได้
โดยในวันนี้ (16 ม.ค.) “อาร์ต พศุตม์” ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน โดยเผยถึงเหตุผลที่ทำให้ตนต้องแจ้งความ อีกทั้งยังยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับทางช่องหรือผู้จัดอย่างที่ถูกอ้างในข่าวแน่นอน
วินาทีแรกที่ข่าวออก รู้เลยไหมว่าต้องการจะสื่อถึงเรา ?
"ครั้งแรกเลยคือเห็นรูปก่อน ยังงงว่าข่าวอะไรเราอีกเพราะมันเป็นรูปเรารูปนี้ ภาพเราถ่ายเราจำได้ (โชว์รูป) พาดหัวข่าวว่าแจ้งจับ 2 พระเอกหนุ่ม แล้วมาแจ้งจับเราเรื่องอะไร พอเข้าไปอ่านก็มีเป็นอักษรย่อ อ.อ่าง พ.พาน"
"แล้วมันก็ประจวบเหมาะกับวันก่อนหน้านี้ที่เราอ่านข่าวเรื่องคุณเจนี่ที่มีตัวย่อต่างๆ เรายังบอกเลยว่าถ้ามันตรงประเด็นมากๆ เราสามารถแจ้งความได้นะ งั้นข่าวนี้เราก็แจ้งได้สิ เพราะมีบอกว่าไม่เซ็นสัญญาต่อ พระเอก อ. แล้วใช้รูปเราด้วย คือหลายอย่างมันชัดเจน คนที่รู้จักเราก็มาบอกว่าเห็นรูปเราในเพจ มีคนมาทักผมเยอะ"
"คือมีอยู่ 2 เพจที่เอารูปเราไปลงแล้วเราเสียหาย เวลาจะเล่นข่าวอะไรเราก็โอเคนะ แต่อันนี้เรียกว่าเป็นศักดิ์ศรีคนดีกว่า เพราะในนั้นเขียนไว้ว่า 1.ขี้ขโมย 2.ไม่ได้ขโมยเปล่าๆ แต่ยังขโมยของลูกผู้มีพระคุณนั่นก็คือลูกของพี่กอบสุข จารุจินดา ซึ่งเขาเหมือนแม่คนที่สองของผม แล้วขโมยของในบ้านเลย คนอื่นจะคิดกับผมยังไง จะกล้าให้เข้าบ้านไหม ให้เข้าไปแล้วจะหยิบของไปไหม ผมว่ามันร้ายแรงกับสังคมเลยต้องแจ้งความครับ"
ล่าสุดมีหนึ่งในเพจนั้นได้ลงขอโทษเราในพื้นที่สื่อเขาไปแล้ว ?
"ได้ลงขอโทษในเว็ปครับ คือเมื่อวันก่อนที่ผมไปโรงพัก ต้องบอกก่อนว่าเพจนี้น่ารักนะ โทรมาหาแม่ผมตั้งแต่เช้าว่าไม่แจ้งความได้ไหม ซึ่งแม่และอาร์ตก็บอกไปว่าไม่ได้ และเราก็ไม่คิดด้วยว่าเขาจะมา เขามาถึงหลังผมนิดเดียวเอง แล้วเขาก็มาขอโทษและพาน้องที่ลงข่าวมาขอโทษ"
"ตอนนั้นเขาก็ร้องไห้ ถามว่าเราใจดำขนาดที่ไม่สนใจไหมก็ไม่ครับ เราก็บอกเขาไปว่าต่อไปอย่าลงอะไรที่มันพาดพิงคนอื่น อย่าไปลงเรื่องที่เราไม่รู้ว่าใครเป็นยังไง อีกอย่างข่าวนี้มันค่อนข้างแรงในสังคม ซึ่งเขาก็ให้ดอกไม้มาขอโทษ"
"และเมื่อเช้ามั้งครับลงขอโทษในเว็ปแต่ไม่ได้ลงหน้าเฟซบุ๊ก ผมก็เลยถามแม่ว่าได้ขอเบอร์เพจนี้ไว้ไหม เพราะทำไมเวลาลงข่าวเราลงในเฟซบุ๊กได้ แต่เวลาขอโทษกับไปขอโทษในเว็ป ซึ่งเขาก็เพิ่งลงเมื่อกี้ว่าขอโทษพร้อมปักหมุดไว้ว่าเป็นการขอโทษ 3 วันที่ทำให้เราเสียหาย ซึ่งเขาได้อ้างว่าก็อปปี้ข่าวมาจากอีกสำนักข่าวหนึ่งเพื่อมาลง เลยไม่รู้ว่ารูปนี้เป็นรูปใคร"
"ทางเว็ปต้นเรื่องยังไม่มีติดต่อมาเลยสักนิด คงต้องปล่อยไปตามคดีความ และตำรวจก็บอกว่าผมไม่ต้องทำอะไรแล้ว ลงบันทึกประจำวันเสร็จก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปในเรื่องของกฎหมาย"
"ผมไม่รู้นะว่าสิ่งที่คุณลงคุณไปฟังใครมา แต่เราไม่เคยมีเรื่องโกรธกันจนกระทั่งต้องทำลายชื่อเสียกันขนาดนี้ ฟังมาแล้วเรื่องมันจริงไหมช่วยพิจารณานิดหนึ่ง ผมเคยบอกพวกๆ พี่สื่อมวลชนว่าถ้าเรื่องที่ผมซีเรียสจริงๆ ขอนะครับช่วยพาดหัวข่าวดีๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมไม่โอเค"
"เรื่องที่เล่นได้ก็เอาเลยครับตามสบายแต่อยากให้เกียรติกันบ้าง ผมอยากให้เป็นแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าครับ คนสมัยนี้อ่านพาดหัวเยอะมากแต่ไม่อ่านเนื้อข่าว กี่ครั้งแล้วครับที่โซเชียลทำลายชีวิตคน อยากให้เลิกทำลายชีวิตคนด้วยปลายปากกาซะที"
พอเกิดกระแสข่าวนี้ขึ้นมา หลายคนเลยอยากรู้ถึงเรื่องราวในเนื้อข่าวทั้งหมดว่าสรุปแล้วจริงเท็จยังไง ?
"เอาเป็นว่าเรื่องจริงหรือไม่จริงต้องขออนุญาตพี่ๆ ไม่ขอพูดถึง เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับผม ผมรู้เรื่องแต่มันจะไปพาดพิงถึงน้องๆ ที่เป็นบุคคลอื่นที่ผมไม่อยากพาดพิง จริงๆ ถ้าถามถึงว่าเป็นคนในเหตุการณ์ไหม คือเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เกิดที่บ้าน เกิดที่โรงแรม ไม่ใช่งานปาร์ตี้อะไร แต่เป็นงานแต่งลูกพี่กอบสุข ผมขอพูดแค่นี้ แต่เรื่องอื่นไม่ขอพูดถึงนะครับ"
เมื่อเช้าเห็นว่าเราได้เข้าไปหาพี่กอบสุขด้วย ?
"ครับ พี่กอบสุขน่ารักเหมือนแม่คนที่สองของเรา เขาแนะนำมาว่าถ้าจะให้ข่าวก็ให้อีกแค่ครั้งเดียว คือครั้งที่ผมมาออกรายการนี้ มันคือครั้งสุดท้ายแล้วจากนั้นจะเลิกพูด ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมฯ จะเลิกลงทุกอย่าง ขายอาหารเสริมไป กลับมาทำงานทำทุกอย่างเป็นปกติ”
พอข่าวนี้ออกไปส่งผลกระทบอะไรกับเราบ้าง ?
“จริงๆ มีงานติดต่อมาในวันที่ผมต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเหมือนกัน ซึ่งก็ต้องปฏิเสธและเสียรายได้ตรงนั้นไป พ.ร.บ.คอมฯ มีอายุความเพียง 3 เดือน หากเราไม่รีบแจ้งตอนนี้ ต่อจากนี้เราจะไม่ว่างแล้ว ซึ่งอาจไม่มีผลอีกต่อไป จึงต้องขอยกเลิกงาน ด้านเพื่อนฝูงก็ไม่ได้มาถามอะไรเพราะเขารู้ว่าเราไม่ใช่คนแบบนั้น"
"เรื่องพวกนี้มันเซนซิทีฟนะ เอาจริงๆ ข่าวผมไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมไม่เคยโมโหขนาดต้องไปแจ้งความ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีคนมากกว่า"
"มาบอกว่าขโมยของในบ้านผู้จัด ช่องไม่เอาไม่ให้เซ็นสัญญาต่อ ไปถามช่องได้เลยนะครับว่าวันที่ผมไม่ต่อสัญญา ผมบอกไว้ว่าผมขอออกไปหาประสบการณ์จริงๆ ข่าวทั้งหมดที่ออกมาว่าผมโดนเด้งไม่เป็นความจริงสักอย่าง ผมยังเข้าไปไหว้ผู้ใหญ่ที่ช่องอยู่เลย ส่วนกับผู้จัดก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยผมปกติ”
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ