เปิดมุมชีวิต โบว์ แวนดา กับคำสอนที่พร่ำบอกลูกสาว น้องมะลิ
ยกให้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรองอีกหนึ่งคน สำหรับ “โบว์ แวนดา” ที่หลังจากสูญเสียสามี “ปอ ทฤษฎี” เธอก็ทำหน้าที่เสาหลักของบ้าน คอยเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกสาววัยกำลังซนอย่าง “น้องมะลิ พาขวัญ” ซึ่งล่าสุดแม่โบว์ได้เปิดใจผ่าน รายการเรียงคิวบันเทิง ไลฟ์ผ่านทาง sanook.com ถึงวิธีการเลี้ยงลูกในฉบับของตัวเองที่ไม่ได้ทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น เพราะได้รับความเอ็นดูจากแฟนคลับทั่วทั้งประเทศ พร้อมเผยถึงโมเม้นท์น่ารักๆ ที่น้องมะลิยังคงทำต่อหน้ารูปคุณพ่ออยู่ทุกวัน
“ช่วงนี้มะลิพูดเก่งมากค่ะ แต่เขาเป็นเด็กที่พูดช้า เพราะปกติเด็กอายุขวบครึ่งจะพูดปร๋อแล้ว แต่มะลิจะเริ่มพูดรู้เรื่องตอนสองขวบปลายๆ เกือบสามขวบ และช่วงนี้ก็จะเริ่มคุย แต่เนื่องด้วยน้องเรียนโรงเรียนนานาชาติ อาจจะมีการพูดสลับกันไปบ้าง ซึ่งครูที่โรงเรียนบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวสักพักน้องจะเข้าที่ของเขาเอง เราก็เลยจะได้คำตลกๆ จากเขามาบ้าง อย่าง ป้าปูดื้อ เขาจะพูดว่า ดื้อป้าปูนะ เราก็จะขำแล้วมาแปลอีกที”
18 มกราคมนี้ จะครบรอบการจากไป 2 ปี ของ ปอ ทฤษฎี ปีนี้ได้เตรียมทำอะไรพิเศษไหม ?
“คงจะทำเหมือนในปีที่ผ่านมาค่ะ จะเป็นการทำบุญเล็กๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตมาก ก็ขอเชิญชวนแฟนคลับพี่ปอนะคะ ไปร่วมทำบุญกันได้ที่จังหวัดบุรีรัมย์ค่ะ อีกอย่างคือมีแฟนคลับส่วนหนึ่งที่เขาทำโรงทานด้วยเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ”
ถึงแม้พี่ปอจะจากไป แต่แฟนคลับหลายคนยังไม่เคยลืม ?
“ขอบคุณนะคะ วันนี้มีโอกาสก็ขอขอบคุณผ่านสื่อเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่หลายๆ คนเจอโบว์ โบว์ก็จะอยู่ในอารมณ์ค่อนข้างนิ่งและร้องไห้ตลอด นับตั้งแต่วันนั้นหลายคนก็ยังให้กำลังใจโบว์อย่างต่อเนื่อง"
"จนมาถึงวันนี้ วันที่โบว์ยิ้มได้และเข้มแข็งขึ้น หลายๆ ท่านก็ยังมีข้อความส่งกำลังใจมาในไอจีหรือเฟซบุ๊กของโบว์ "
"อยากจะบอกเลยว่าโบว์อ่านทุกคอมเม้นท์ก่อนนอนนะคะ ไม่ว่าบางรูปจะมีคอมเม้นท์ประมาณ 3-4 พันข้อความ โบว์ก็นั่งไล่อ่านทุกข้อความเลยนะคะ แต่อาจจะไม่ได้นั่งไล่ตอบก็ต้องขออภัย และต้องขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่เราอยู่กันมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ยังคงอยู่ไม่ได้ลืมกันค่ะ”
ก่อนหน้านี้เคยไหมว่าวันหนึ่งจะมีแฟนคลับเอ็นดูเรามากขนาดนี้ ?
“ไม่เคยคิดว่าในชีวิตหนึ่งจะมีความโชคดีที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็จะมีคนเรียกว่าน้องมะลิ แม่โบว์ ซึ่งในชีวิตคนคนหนึ่งถ้ามายืนในจุดนี้ได้ถือว่าเป็นความโชคดีของชีวิตมากๆ แต่อย่างที่บอกไปความรักต่างๆ ที่ส่งมอบให้มะลิกับแม่โบว์"
"โบว์ยึดถือตลอดมาว่าความรักเหล่านี้มันคือความรักมาจากพี่ปอ ความห่วงใย การส่งกำลังใจ และการมอบกำลังใจต่างๆ ในวันที่พี่ปอเป็นดาราจนกระทั่งป่วยที่ได้รับกำลังใจจากคนทั้งประเทศ ความรักเหล่านี้มันส่งต่อมายังโบว์กับมะลิ และโบว์ก็บอกกับตัวเองว่าโบว์จะรักษาทุกๆ กำลังใจ และทุกๆ ความรู้สึกดีๆ ที่พี่จ๋าได้มอบให้มาจนถ่ายทอดมาถึงน้องมะลิ ก็ขอขอบคุณมากๆ ถือว่าชีวิตนี้ก็โชคดีแล้ว ต่อไปก็อยู่ที่ว่าเราจะรักษากำลังใจและความรักของพี่จ๋าต่อไปยังไงให้อยู่กับเราและน้องตลอดไปค่ะ”
ตอนนี้น้องมะลิกลายเป็นขวัญใจของใครหลายคนไปแล้ว เรามีวิธีสอนให้น้องปรับตัวยังไง ?
“จริงๆ โบว์เป็นคนที่ไม่ได้สปอยลูกอยู่แล้วนะคะตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว และตั้งแต่วันแรกที่นักข่าวได้เจอน้องวันแรกที่โรงพยาบาล น้องจะไม่ได้รู้สึกเคอะเขินอะไรเพราะได้เจอพี่สื่อมวลชนทุกวัน เจอผู้คนทุกวัน ได้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งพี่ปอจากไปก็ยังมีคนรักมากขึ้น ได้ไปงานโน้นงานนี้ ได้ไปอีเว้นต์ ได้เจอหลายๆ คน"
"เอาจริงๆ ใจเราเองก็ห่วงว่าน้องจะยังไง จะรู้สึกว่ามีแต่คนรัก มีแต่คนให้ และกลายเป็นว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้หรือเปล่า โบว์พยายามสอนเขาว่าทุกวันนี้ที่มีคนรักน้อง เพราะคุณพ่อของน้องทำความดีนะ เขาถึงส่งความรักนี้มาให้น้อง"
"และอีกอย่างถ้าน้องเป็นเด็กดี พี่จ๋าก็จะรักน้องตลอดไป แต่ถ้าวันไหนน้องก้าวร้าว เป็นเด็กไม่ดี ทุกคนก็จะไม่อยู่กับน้อง และโบว์ก็จะสอนลูกให้เหมือนทุกคนเวลาสอนปกติ จะไม่สอนให้เขารู้ว่าเขาเป็นเด็กที่ต้องได้ก่อน เขามีสิทธิ์พิเศษ อันนั้นจะไม่มี ทุกอย่างปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไปค่ะ ไม่อะไรพิเศษสำหรับชีวิตเขา"
น้องมะลิเข้าใจสิ่งที่เราอธิบายใช่ไหม ?
“เขาก็เริ่ม เราก็ค่อยๆ สอนไปค่ะ จะเข้าใจไม่เข้าใจเดี๋ยววันหนึ่งเขาก็คงเริ่มทำความเข้าใจได้ แต่ทุกวันนี้เขาก็โอเคค่ะ อยากจะไปไหนยังไง ถ้าเขายังไม่เข้าใจคำพูดเรา เราก็จะปฏิบัติให้เขาเห็น อย่างเวลาจะไปซื้อของเราก็ต้องบอกว่าน้องต้องไปต่อคิว หรือจะไปเล่นของเล่น น้องก็ต้องไปต่อคิว ใครทำอะไรให้น้องต้องขอบคุณค่ะ”
น้องออโตเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ส่วนน้องมะลิก็ยังเด็กวัยกำลังซน เรามีวิธีสอนลูกต่างกันยังไง ?
“วิธีเลี้ยงลูกของโบว์ก็คือ โบว์จะศึกษาลูก จะไม่วางกรอบให้ลูกว่าลูกต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างคือเราเป็นแม่ให้กำเนิดเขา แต่ชีวิตของเขาเราไม่มีสิทธิ์ นั่นคือชีวิตเขาที่เขาจะเลือกว่าเขาจะไปยังไง"
"ในหน้าที่ความเป็นแม่ของโบว์ก็คือคอยศึกษาลูกอยู่ข้างหลัง หมายความว่าลูกชอบอะไร ลูกอยากทำอะไร ตัวเรามีหน้าที่หาข้อมูลหรือสิ่งต่างๆ ที่ลูกชอบคอยเสริมเขาและสนับสนุนเขา แต่ถ้าอะไรที่มันไม่ดีเราก็ต้องคอยปรามคอยเตือนเขาว่ามันไม่ได้นะอย่างนู้นอย่างนี้ ชีวิตเขาเราต้องให้เขาเลือกในสิ่งที่เขาอยากจะเป็น”
ยังมีเหตุการณ์อะไรที่สอนให้น้องมะลิทำกับพี่ปอทุกวันไหม ?
“ตื่นมาทุกวันก็จะให้เขาสวัสดีคุณพ่อ พ่อไปเรียนแล้วนะ ทุกวันเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องพูดกับรูปพ่อ ทำไมไม่มีพ่อมา แต่เขาก็ยังทำอยู่ พ่อ วันนี้หนูไปทำของเล่นอันนี้มา คือที่โรงเรียนมะลิจะให้ทำกิจกรรมพวกงานฝีมือ เขาจะมีกลับมาทุกวันศุกร์ ซึ่งเขาจะรีบวิ่งกลับมาหาคุณพ่อก่อนที่หน้ารูปว่า พ่อหนูทำอันนี้นะ เขาก็จะคุยๆ พอคุยเสร็จก็จะวางไว้ที่หน้ารูปพี่ปอ"
"ชิ้นแรกที่เขาเข้าโรงเรียนจนชิ้นสุดท้ายก็ยังอยู่หน้ารูปพี่ปอค่ะ และสิ่งที่เขาสอนลูกได้ตอนนี้ก็คือ ถ้าน้องคิดถึงพ่อ น้องก็ต้องทำตัวดีๆ เป็นเด็กดี เพราะคุณพ่อน้องเป็นเด็กดีนะคะ สิ่งที่น้องทำได้ทุกวันนี้ก็คือไปวัด ไปทำบุญ ไปตักบาตรให้คุณพ่อ ณ วันนี้เขายังไม่รู้หรอกค่ะว่าการทำบุญตักบาตรให้พ่อทำไมต้องทำ เราก็สอนเขาไปตามสเต็ป"
"แต่ถ้า ณ วันหนึ่งมีคำถามกลับมาว่า แล้วทำไมหนูต้องทำ แล้วคุณพ่อหายไปไหน แล้วทำไมคุณพ่อไม่มา เราก็ต้องบอกความจริงกับเขา ณ วันหนึ่งถ้าเขารู้จักคำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย คืออะไร เราก็ต้องบอกเหตุผลและความจริงให้เขาไป”
ช่วงที่ผ่านมาเหมือนเราจะโดนกระแสดราม่าเยอะมาก มีวิธีรับมือยังไง ?
“เอาจริงๆ ชีวิตเราจากคนที่เป็นแม่บ้านธรรมดาที่ดูแลสามี ดูแลลูกไป เราก็ไม่รู้หรอกว่าวันหนึ่งชีวิตเราจะพลิกโผขึ้นมา มีไมค์มาจ่อเยอะๆ ในอินเตอร์เน็ตก็พูดถึงทั้งทางดีและทางไม่ดีด้วย บอกตรงๆ ตอนแรกก็รับไม่ไหว แต่เราก็พยายามจะไม่ร้องไห้ให้คนในครอบครัวเห็น บางทีเหนื่อยมากก็จะเข้าห้องแล้วกอดเสื้อผ้าพี่ปอจบ เราจะบอกตัวเองว่าเราอ่อนแอมากไม่ได้"
"เพราะ ณ วันนี้เรามีบทบาทหลายบทบาทในความที่เป็นเรา ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อด้วย เป็นเสาหลักของครอบครัวด้วย เราจะบอกตัวเองว่าอ่อนแอได้ แต่อ่อนแอได้ไม่นานนะ เราต้องก้าวผ่านต่อไป แรกๆ จะทำใจไม่ได้ค่ะ อ่านไปก็ร้องไป แต่พอตอนหลังก็ไม่เป็นไร ปล่อยผ่าน รับแต่คำติชมที่บอกให้เรารู้ว่าบางอย่างเราทำแล้วเราอาจจะไม่รู้ตัวว่าเราทำ เราก็จะเอามาปรับปรุงตัว แต่คำหยาบต่างๆ เราก็จะพยายามปล่อยผ่าน และจะมองว่าไม่เป็นไร ทำบุญทำทานให้เขา ถ้าเขาพูดถึงเราแล้วมีความสุขก็ให้เขาพูดไปแล้วกัน แค่นี้ก็จบ”
ทำหน้าที่หลายอย่างมาก แบ่งเวลาให้กับตัวเองยังไง ?
“แบ่งเวลาเหรอคะ (หัวเราะ) 24 ชั่วโมงจะอยู่กับมะลิหมดเลยค่ะ จะได้ทำงานหรือเป็นตัวของตัวเองก็ต่อเมื่อมะลิไปโรงเรียน จะแบ่งสเต็ปเลยว่าช่วงเช้าต้องอาบน้ำและไปส่งลูกที่โรงเรียน พอส่งลูกเสร็จก็เข้าออฟฟิศ ตอนเย็นก็กลับ"
"แต่ด้วยความโชคดีของโบว์ก็คือหมู่บ้านที่โบว์อยู่เรารู้จักกันมา 20 กว่าปีแล้ว ทุกบ้านก็เหมือนครอบครัวใหญ่ เหมือนญาติกัน น้องมะลิก็จะมีคนเลี้ยงและดูแลเยอะมาก มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเราก็ไม่ได้หนักมาก”
อัลบั้มภาพ 23 ภาพ