พบแล้ว! แม่ทำแท้งสับทารก-ทิ้งขยะถูกผัดกะเพรา
คนเก็บของเก่าเมืองปทุม หวิดได้กินผัดกะเพราเนื้อทารกสับกันทั้งครอบครัว หลังเจอใส่ถุงยัดถังขยะ เตรียมนำมาผัดเป็นอาหารมื้อเที่ยง โชคดีมีคนมาพบก่อนทักท้วง แจ้ง ตร.ตรวจสอบ เจ้าตัวอ้างคิดว่าเป็นเนื้อไก่ ขณะที่ตำรวจตามจับแม่ทารกคาหอพัก สารภาพกิบยาขับทำแท้งลูกวัย 5 เดือน ก่อนนำศพสับเป็นชิ้นๆ ทิ้งท่อน้ำหอพัก แต่ท่อตันเลยหิ้วไปทิ้งถังขยะ
เรื่องชวนสยองแม่นำศพทารก สับเป็นชิ้นๆ ทิ้งถังขยะ จนมีคนเกือบจะนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทานรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 มีนาคม พ.ต.ท.สมาน ล้อมเศรษฐี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกู้ชีพบัวเพชรจังหวัดปทุมธานี ว่า มีคนพบศพคาดว่าจะเป็นทารกถูกสับจนเละ อยู่ที่บริเวณใต้สะพานกลับรถถนนพหลโยธิน หมู่ 2 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนา วงศ์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พ.ต.ท.วรพจน์ ชูเชิด รอง ผกก.ป.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์
ที่เกิดเหตุพบว่า เป็นที่พักชั่วคราวอยู่ใต้สะพานกลับรถ มีวัสดุของเก่าหลายชนิดกองอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีการจัดวางแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ส่วนบริเวณที่หลับนอน มีที่นอนเก่า มุ้ง พร้อมนำไม้แผ่นขนาดต่างๆ มาทำเป็นรั้วป้องกันคนภายนอกเข้ามาในบริเวณใกล้เคียงกัน บริเวณริมฟุตบาทถูกจัดให้เป็นที่ประกอบอาหาร โดยมีเตาถ่าน หม้อหุงข้าว และกระทะวางไว้เป็นสัดส่วน
ทว่า สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องผงะ เมื่อพบชิ้นส่วนของทารกถูกสับอย่างละเอียด เหมือนข้อไก่ รวมอยู่ในชามสีขาวลายน้ำเงิน ส่วนด้านข้างพบใบกะเพรา พริกขี้หนู ใกล้กับเตา เพื่อเตรียมทำอาหาร ตรวจสอบพบเป็นชิ้นเนื้อ มีนิ้ว 4 นิ้ว พร้อมข้อมือ เนื้อบริเวณหน้าอก ท่อนแขน และท่อนขา ส่วนอื่นๆ ถูกสับปนรวมอยู่กับเครื่องใน แต่ไม่พบศีรษะของทารกแต่อย่างใด
สอบถามนายปิยะพงษ์ งามสนอง เจ้าหน้าที่กู้ชีพบัวเพชร กล่าวว่า ขณะมาจอดรถหลบร้อนอยู่บริเวณใต้สะพาน ก็สังเกตเห็นครอบครัวของนางชนี กระจ่างจิตร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ 5 ต.ตะโก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ กำลังเตรียมทำอาหาร จึงไปยืนดูเพื่อเป็นการฆ่าเวลา แต่ขณะที่นางชนีกำลังล้างเนื้อเพื่อเตรียมผัดกะเพราอยู่นั้น สังเกตเห็นนิ้วมือเด็กโผล่ออกมา จึงได้ทักท้วงพร้อมทั้งขอตรวจสอบ จนพบว่าเป็นชิ้นส่วนของทารก ไม่ทราบเพศ ถูกสับแทบละเอียด จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
จากการสอบปากคำ นางชนี ให้การอ้างว่า มีอาชีพเก็บของเก่าขาย พักอาศัยอยู่ใต้สะพานกลับรถดังกล่าวร่วมกับสามีและลูกอีก 3 คน กระทั่งเมื่อเวลาประมาณห้าทุ่ม คืนวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ไปพบชิ้นส่วนเนื้อต่างๆ ถูกใส่ถุงวางอยู่ในถังขยะ บริเวณป้ายรถเมล์ หน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี คิดว่าเป็นเนื้อไก่ หนังไก่ และไส้ไก่ที่คนนำมาทิ้ง จึงนำกลับมาเพื่อจะทำอาหาร พร้อมทั้งนำมาล้างเตรียมจะผัดเผ็ดใบกะเพราให้คนในครอบครัวกิน
จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้มาพบเห็นแล้วมีการทักท้วงว่า ทำไมเหมือนเนื้อมนุษย์จัง จึงเข้ามาดูแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบในเวลาต่อมา ยืนยันว่า ไม่ทราบมาก่อนจริงๆ ว่าเป็นเนื้อมนุษย์ มิเช่นนั้นหากผัดไปแล้วคงต้องกินเนื้อมนุษย์เป็นแน่ ดีที่มื้อเช้าตนและครอบครัว ได้ซื้อข้าวกล่องมากินก่อนออกไปตระเวนเก็บของเก่า จนกระทั่งช่วงเที่ยงรู้สึกหิว จึงกลับมานำเนื้อดังกล่าวทำอาหารกลางวัน แต่ถ้านำไปทำอาหารมื้อค่ำ อาจจะต้องกินเนื้อเด็กกันทั้งครอบครัว เพราะที่ตนอยู่ไม่มีไฟฟ้าให้แสงสว่าง
พ.ต.อ.วัฒนา ซึ่งไปร่วมตรวจสอบด้วย จากการไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและบริเวณรอบๆ ไม่พบชิ้นส่วนของทารกที่เหลือ ทั้งศีรษะ ชิ้นส่วนแขน ขา ลำตัวที่หายไป จึงให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและสายตรวจ กระจายกำลังออกค้นหาให้ทั่วบริเวณ รวมไปถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ตามที่นางชนีให้การว่า มีชิ้นส่วนหลงเหลืออยู่บริเวณถังขยะหรือไม่ ในเบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนางชนี จึงได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะผิดปกติที่คนธรรมดามักจะมองออก เมื่อพบเห็นชิ้นส่วนของมนุษย์ เพราะชิ้นส่วนของมนุษย์กับเนื้อไก่นั้นแตกต่างกันมาก
พ.ต.อ.วัฒนาชี้ว่า ปกติการล้างทำความสะอาดเนื้อนั้น ก็น่าจะรู้แล้วว่า เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ อาจจะเป็นไปได้ที่มีคนทำแท้ง หรือคลอดบุตรออกมา จนทำให้ทารกเสียชีวิต แล้วกลัวความผิด จึงใช้มีดสับจนละเอียด เพื่อทำลายหลักฐาน จากนั้นจึงแยกชิ้นส่วนไปทิ้งตามถังขยะ จนนางชนีผ่านมาพบแล้วนำกลับมาเพื่อทำเป็นอาหาร
กระทั่งเวลา 14.30 น. ตำรวจก็สามารถจับกุมแม่ของทารกที่ถูกสับเป็นชิ้นไว้ได้ หลัง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนา วงศ์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ นำกำลังเข้าตรวจสอบภายในหอพักไม่มีชื่อ ห้องพักเลขที่ 305 ตั้งอยู่เลขที่ 512/461(5) หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี หมู่ 2 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี เนื่องจากสืบทราบว่าเป็นห้องที่ใช้ชำแหละศพทารก
ทั้งนี้ พบ น.ส.นาฎนภา แพนไทสง อายุ 20 ปี ชาวขอนแก่น ซึ่งอยู่ในสภาพนอนซม พร้อมยอมรับว่า เป็นผู้ที่ลงมือหั่นศพทารกลูกตัวเองจริง หลังตนกินยาทำแท้งขณะตั้งท้องได้ 5 เดือน แล้วสามีก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำจนเสียชีวิต ตนเป็นเพียงลูกจ้างธรรมดา ไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกได้ รวมทั้งได้รับคำแนะนำจากเพื่อนว่าให้หายามากินเพื่อทำแท้ง จึงตกลงใจทำแท้งดังกล่าว
น.ส.นาฎนภาระบุว่า หลังจากนั้น ได้ซื้อยามากินเมื่อวันที่ 24 มีนาคม เวลาประมาณ 08.00 น. จากนั้นก็เกิดปวดท้องอย่างรุนแรง มีเลือดออกมาจากช่องคลอด และแท้งเด็กในเวลาประมาณ 19.00 น. จนเป็นลมหมดสติ ตื่นมาอีกครั้งเมื่อเวลา 21.00 น. ตนไม่รู้จะทำอย่างไรกับศพทารก จึงตัดสินใจใช้มีดสับร่างทารกในห้องน้ำ แล้วยัดชิ้นส่วนลงไปในท่อระบายน้ำ จากนั้นก็ราดน้ำทำความสะอาดจนหมด กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าของหอพักขึ้นมาตรวจสอบเพราะท่อระบายน้ำอุดตัน และมองเห็นว่าตนนอนเลือดไหลออกมา จึงเข้ามาสอบถาม ซึ่งก็ยอมรับว่าทำแท้งจริง จึงเก็บเศษเนื้อที่ติดค้างในท่อระบายน้ำใส่ถุงขยะไปทิ้งในถังขยะ
ขณะที่ พ.ต.อ.วัฒนาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เจ้าตัวให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหาทำให้ตนเองแท้งลูก ซึ่งมีความผิดต้องระวางโทษจำคุก 3 ปี จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป