แม่หลั่งน้ำตา ขอใบรับรองแพทย์ไม่ได้ นั่งรถไปกลับร่วม 200 กม.

แม่หลั่งน้ำตา ขอใบรับรองแพทย์ไม่ได้ นั่งรถไปกลับร่วม 200 กม.

แม่หลั่งน้ำตา ขอใบรับรองแพทย์ไม่ได้ นั่งรถไปกลับร่วม 200 กม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ รร.บ้านในเหมือง ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร น.ส.โสมภนา อายุ 47 ปี ครู ผู้รับผิดชอบฝ่ายประกันภัยนักเรียนของโรงเรียน เปิดเผยว่า ได้มีนางวันมณี อายุ 49 ปี อาชีพ รับจ้างและทำสวน เป็นแม่ของ ด.ญ.จุฑาวรรณ หรือ น้องชมพู่ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ได้มาพบ พร้อมทั้งร้องไห้ทั้งน้ำตา และเล่าเรื่องให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.60 น้องชมพู่ได้ขับจยย.ประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ริมทาง ได้รับบาดเจ็บ ต้องนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลระดับอำเภอ

น้องชมพู่เกิดอาการปวดหัวและอาเจียน แพทย์ส่งตัวไปเพื่อทำเอ็กเรยซ์สมอง ที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในตัวจังหวัดชุมพร โดยนำขึ้นรถฉุกเฉินของ รพ.ระดับอำเภอ หลังจากเอ็กซเรย์สมองเสร็จ โรงพยาบาลดังกล่าว ได้เก็บเงินค่าเอ็กซเรย์ เป็นเงิน 3,130 บาท นางวันมณีไม่มีเงินจ่าย ได้ขอยืมเงินญาติจ่ายไปก่อน

และได้ขอใบเสร็จของโรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อนำไปเบิกกับประกันอุบัติเหตุ ที่โรงเรียนฯทำให้กับนักเรียนของโรงเรียน และได้ขอใบรับรองแพทย์จากแพทย์ผู้รักษา ที่ รพ.ระดับจังหวัด แต่แพทย์บอกว่าน้องชมพู่ถูกส่งตัวมาจาก รพ.ระดับอำเภอ ให้ไปเอาใบรับรองแพทย์ จาก รพ.ระดับอำเภอ

เมื่อกลับมาถึง รพ.ระดับอำเภอ แพทย์ที่รพ.ระดับอำเภอ ได้ออกใบรับรองแพทย์ให้ จึงได้นำไปเพื่อเบิกเงินจากบริษัทประกันภัยที่ทำไว้กับโรงเรียน แต่บริษัทประกันภัยบอกว่า ใบเสร็จออกในนามโรงพยาบาลระดับจังหวัด แต่ใบรับรองแพทย์ ออกจาก รพ.ระดับอำเภอ ไม่สามารถใช้เบิกได้ ต้องเป็นใบรับรองแพทย์ของ รพ.ระดับจังหวัดที่ออกใบเสร็จรับเงินเท่านั้น นางวันมณีจึงเหมารถของญาติ กลับไป รพ.ระดับจังหวัด ระยะทาง 90 กม. ไปกลับร่วม 200 กม.

เมื่อพบแพทย์ที่เป็นเจ้าของคนไข้ก็บอกว่า รพ.ระดับจังหวัดไม่ได้เป็นผู้รักษา จึงไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ได้  นางวันมณีพยายามอธิบายว่า บริษัทประกันภัยจะไม่ยอมจ่ายเงิน เนื่องจากใบเสร็จรับเงินกับใบรับรองแพทย์คนละสถานที่กัน

แต่เจ้าหน้าที่ของรพ.ระดับจังหวัดก็ยังยืนยันว่าออกให้ไม่ได้ แต่กลับเขียนด้านหลังของใบเสร็จรับเงิน ว่าให้ไปขอใบรับรองแพทย์ จาก รพ.ระดับอำเภอเท่านั้น ถึงนางวันมณีจะอ้อนวอนอยู่นาน จนถึงกับหลั่งน้ำตา แต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจ ทั้งที่บอกว่าเป็นคนยากจนมาก ต้องยืมเงินญาติมาจ่ายค่ารักษาที่ รพ.ระดับจังหวัด ไปก่อน รวมถึงค่าเหมารถไปกลับ จากอำเภอมาจังหวัดก็หมดไปแล้ว 5 พันกว่าบาท แต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจแต่อย่างใด

นางวันมณีไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน เนื่องจากในครอบครัวแทบไม่มีเงินติดบ้านเลย มีอาชีพเพียงรับจ้างเก็บมังคุดวันละไม่กี่ร้อยบาท สามีก็ทำสวนมีรายได้วันละไม่ถึงร้อยบาท มีลูกต้องไป โรงเรียนถึง 3 คน ต้องจ่ายให้ลูกคนละ 30 บาทต่อวัน เงินค่ารักษาน้องชมพู่ก็หยิบยืมรวมถึงค่าเหมารถจากอำเภอไปยังจังหวัดอีก จึงมาปรึกษากับครูโสมพนา

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้อำนวยการ รพ.ระดับจังหวัด ก็ยืนยันว่า ออกใบรับรองแพทย์ให้ไม่ได้ เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า คนไข้มีความยากจนมากต้องใช้เบิกกับบริษัทประกันภัยฯ ผอ.รพ.ก็บอกแบบเลี่ยงไม่ได้ว่า งั้นออกใบยืนยันว่ามารับการเอกซเรย์ ที่รพ.ระดับจังหวัดเท่านั้น พร้อมทั้งให้ติดต่อกับเลขาหน้าห้องผอ. ทำเอานางวันมณีถึงกับหลั่งน้ำตาอีกครั้ง เนื่องจากไม่ทราบว่าใบยืนยันดังกล่าวจะใช้เบิกเงินจากบริษัทประกันภัยได้หรือไม่ พร้อมทั้งกล่าวว่า “เป็นคนจนขออะไรไม่เคยได้ง่ายๆ เลย”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook