นศ.ฝึกงานโดนเตาโรงงานระเบิดใส่หน้า พอคนเริ่มรู้ข่าว บริษัทบังคับให้ออกจากรพ.
(21 ม.ค.) เฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อดัง Red Skull Infinity รายงานว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าและลำตัวอย่างรุนแรง ระหว่างฝึกงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง โดยเหตุเกิดจากเตาสารเคมีระเบิดและสารเคมีกระเด็นใส่หน้าและแขน ซึ่งบริษัทดังกล่าวไม่ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควรจะเป็น โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้
“มีเหตุเกิด ระหว่างนักศึกษากับสถานประกอบการอยู่ ในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด จ.ระยอง เหตุเกิดขึ้น เมื่อวันที่22ธ.ค.60 เกิดเหตุการณ์ เตาทดสอบชิ้นงานระเบิด ซึ่งน้อง นศ.แจ้งว่า เป็นเตาน้ำมันที่มีความร้อนระดับ 150-180 องศา
เจ้าตัวไม่ได้สะเพร่าค่ะ เด็กเล่ารายละเอียดว่า กำลังเอื้อมมือไปจับและจะหมุนเอาตัวอย่างออกมา แต่ยังไม่ได้หมุน ก้มลงดูเครื่องระเบิดก่อน ออยล์ผสมสารเคมีกระเด็นเข้าหน้าและแขน น้องมีสติตลอด และวิ่งมาหาพี่ที่อยู่ในห้องนั้น ถอดเสื้อออกล้างตัว หลับตาตลอด
วันที่เกิดเหตุ ทางบ.ส่งตัวน้องมาที่รพ.กรุงเทพ-ระยอง โดยทางบ.ได้แจ้งมาทาง อ.ที่ปรึกษา (เป็นคำพูด)โดยแจ้งว่าน้องโดนน้ำร้อน โดยที่ไม่ทำหนังสือเข้ามาแจ้งทางผู้บริหาร อ.ที่ปรึกษาของน้อง คิดว่าน้องแค่โดนน้ำร้อนเฉยๆ ไม่เป็นไรมาก เลยไม่เรียนให้ ผอ.ทราบ
เรื่องผ่านจนกระทั่งวันที่ 15ม.ค 61 จึงเดินทางเข้าเยี่ยม นศ. ที่ได้รับบาดเจ็บ พอได้ไปเยี่ยมน้อง จึงได้เห็นว่า อาการของน้อง เป็นเยอะมาก และเรียนให้ผอ.ทราบ
ทางผู้ปกครองของน้อง แจ้งว่า ทางบ.ให้ปิดข่าว และแจ้งว่า บ.ได้ทำหนังสือเข้าทางวิทยาลัยแล้ว แต่ทางวิทยาลัย ยังไม่ทราบเรื่อง เบื้องต้นทางบ. ได้ดูแลค่ารักษาพยาบาล ของน้องทั้งหมด
พอเริ่มมีคนอื่นรู้เยอะขึ้น ทางบริษัท เข้าไปบังคับให้น้องออกจากโรงพยาบาล และให้ไปรักษาตัวที่บ้าน และเอาหนังสือมาให้แม่กับน้องเซ็น อยากให้ช่วยหาผู้รู้ทางด้านกฎหมายหน่อยค่ะ ว่าน้องสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง
บริษัทมีระบบเซฟตี้ห่วยมากๆ และยังปกปิดข่าวอีก ญาติน้องไปถามหา ที่ รพ. ยังบอกไม่มีคนไข้ชื่อนี้เลย และเคยได้ข่าวมาว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แปลกใจเปิดอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งปกตินิคมฯนี้จะเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยเพราะอยู่ในแหล่งชุมชน
แม่ของน้องแจ้งว่า มีสัญญาที่น้องเซ็นก่อนฝึกงานคือ ถ้าเกิดเหตุขึ้นจะไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้นกับบริษัท ตอนนี้แม่ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะกลัวว่าบริษัทจะไม่รักษาน้อง
เมื่อวานนี้บริษัท บังคับให้น้องออกจากโรงพยาบาล โดยอ้างข้อมูลจากหมอว่าสภาพร่างกาย ไม่มีอะไรแล้ว เหลือแค่รักษาแผลอย่างเดียว และให้เด็กออกจากโรงพยาบาล เอารถตู้ของบริษัท คอยรับส่งช่วงล้างแผล สงสารแม่และเด็กค่ะ บ้านกับโรงพยาบาลห่างกันประมาณ 50-60 กิโลทางบ้านน้องไม่ค่อยมีเงิน แม่มีอาชีพแกะปลา ตั้งแต่เกิดเหตุก็มาอยู่กับน้องทุกวันที่รพ.
พรุ่งนี้บริษัทจะร่างหนังสือใหม่มาให้เซ็น ต้องรอดูหนังสือก่อน”
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ