เป้ย ปานวาด เข้าใจทั้งสองฝ่าย เมย์ เจ ทั้งคู่พยายามที่สุดแล้ว
“เป้ย ปาดวาด” นักแสดงสาวชื่อดัง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งในฐานะเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิด ของอดีตคู่รัก “เมย์ พิชญ์นาฏ” และ “เจ ชนาธิป" ที่เพิ่งจะผ่านมรสุมหัวใจครั้งใหญ่จนเป็นให้ความรักที่ดูแลกันมานานกว่า 2 ปี เป็นอันต้องยุติลง ท่ามกลางความเสียใจของแฟนคลับทั่วทั้งประเทศ
ซึ่ง เป้ย ปานวาด ได้เปิดเผยว่า เพื่อนๆ ในกลุ่มทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขอเคารพในการตัดสินใจของทั้งคู่และพร้อมให้กำลังใจรวมถึงคำปรึกษาเสมอ ก่อนจะออกปากว่าตนเองเข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคู่ก็พยายามดูแลซึ่งกันและกันเต็มที่แล้ว และถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากให้ในอนาคต เมย์ และ เจ ยังคงเก็บความสัมพันธ์นี้ไว้ ไม่ว่าจะในสถานะใดก็ตาม
ช่วงนี้ เมย์ พิชญ์นาฏ กำลังเศร้า เราให้กำลังใจเขายังไงบ้าง ?
“ที่ผ่านมาก็ให้กำลังใจกันตลอดเวลา รับรู้ปัญหากันมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งเป้ยขออธิบายอย่างนี้ดีกว่า คือกลุ่มเรามี หนิง กระแต เมย์ และเป้ย เวลาใครสักคนมีปัญหาอะไรเราก็จะแชร์กันตลอดอยู่แล้วไม่ว่าใครเจออะไรมาเราก็จะคุยกันตลอด ฉะนั้นเราก็จะรับรู้มานานแล้วค่ะว่าใครมีปัญหาอะไรยังไงบ้าง”
สำหรับปัญหาล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเมย์ เพื่อนๆ รับรู้มานานแค่ไหนแล้ว ?
“เมย์ก็มีพูดให้เพื่อนๆ ฟัง มาขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆ ซึ่งเราทุกคนก็ให้กำลังใจกันมานานแล้วนะคะ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของเมย์”
ตอนที่เขามาขอคำปรึกษาเขาได้บอกไหมว่าเขาจะตัดสินใจไปในทิศทางไหน ?
“เขาก็บอกค่ะ คือจริงๆ สำหรับเมย์ด้วยวุฒิภาวะในการตัดสินใจของเขาเราถือว่าโอเคอยู่แล้ว ซึ่งเราในฐานะเพื่อนๆ เราอาจจะมีการให้กำลังใจหรือให้คำแนะนำบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็อย่างที่บอกเราเคารพการตัดสินใจของเขาเป็นหลัก เพราะเขาคือคนที่เจอเหตุการณ์เอง และตัวเราก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น เราก็คงไม่รู้หรอกว่ารายละเอียดลึกๆ แล้วเขาเสียใจมากแค่ไหน”
ล่าสุดที่เรากับเมย์เจอกันเขาดูเป็นยังไงบ้าง ?
“ในวันที่เป้ยเจอเขาล่าสุดก็ เอ่อ…ค่อนข้างจะแย่ค่ะ”
ที่ผ่านมาความรักส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับคนสองคน แต่ครั้งนี้เหมือนกับว่ามีคนรอบข้างเข้ามาเกี่ยวด้วย สภาพจิตใจของเมย์เป็นยังไงบ้าง ?
“หนักมากค่ะ ค่อนข้างจะหนัก โห…จำได้เลยว่าตอนนั้นที่เราถ่ายรูปกัน สีหน้าเมย์เขาแสดงทุกอย่างออกมาหมดเลย คือวันนั้นเราลงรูปไม่ได้เลยค่ะ เพราะสีหน้าเมย์เขาแสดงออกมาจริงๆ ซึ่งเราก็ทำได้แค่ส่งข้อความไปให้กำลังใจเขาและบอกเขาว่าถ้าหากมีอะไรก็บอกกับพวกเราได้เลยนะ หรือถ้าเขาไม่ตอบก็จะฝากไปกับผู้จัดการของเขาว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้บอกเรา โทรตามเป้ยได้ตลอดเวลา เพราะเป้ยจะเปิดมือถือรอ”
จริงๆ ตัวเมย์เองเขาเคยบอกไหมว่าเขาคาดหวังกับความรักครั้งนี้ยังไงบ้าง ?
“โห…คือเขาเปลี่ยนมากนะ อันนี้เราพูดในมุมเพื่อนของเมย์นะ คือเราเห็นว่าเขาทำหลายอย่างจริงๆ เขาไปเปลี่ยนหลอดไฟที่ญี่ปุ่น ทำกับข้าว ซึ่งมันไม่ใช่เพื่อนเราเลยไหง ตอนนั้นเรายังถามเขาเลยนะว่ามันไม่ใช่เพื่อนเลยนะที่ไปนั่งเปลี่ยนหลอดไฟ เพื่อนโอเคใช่ไหม เพื่อนมีความสุขใช่ไหม แต่คำตอบที่ได้จากเมย์คือ เขาบอกว่าเขามีความสุข เขาสนุกมาก แถมยังเล่าด้วยว่าเพื่อนข้างห้องที่เป็นชาวญี่ปุ่นก็ยังนำอาหารมาแชร์กัน ซึ่งพอเราได้ฟังเขาเล่าแบบนี้เราก็แฮปปี้ไปด้วย เพราะถ้าเพื่อนมีความสุขเราก็โอเค”
แล้วในส่วนของ เจ ชนาธิป เราได้มีโอกาสคุยกับเขาบ้างไหม ?
“จริงๆ แล้วเราไม่ได้คุยโดยตรงหรอก แต่เราก็รวมกลุ่มกันและบอกในเชิงให้กำลังใจว่าสู้ๆ สิ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นการเฉพาะเจาะจงเรื่องใดเรื่องหนึ่งนะ ก็อย่างที่บอกเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา”
ตอนที่เจเขาออกจากกรุ๊ป อันนี้เราตกใจไหม ?
“เราเข้าใจสภาวะจิตใจของเจนะคะ คือไม่มีใครอยากให้ออกหรอก เพราะความสัมพันธ์ที่ดีๆ แบบนี้มันหาได้ยาก เราก็อยากให้เขาเก็บความสัมพันธ์ตรงนี้เอาไว้ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร คือถึงไม่เป็นแฟนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไม่จำเป็นจะต้องออกจากกรุ๊ปเพราะเราก็ไม่ได้อยากให้ออก แต่อาจจะด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่าง อันนี้เราก๋เข้าใจเขานะคะที่เขาเลือกจะออก ซึ่งเรื่องนี้ถึงแม้เราจะไม่ได้คุยกับเขาโดยตรง แต่เราก็บบอกไปว่าไม่ต้องออกหรอกนะ เพราะเพื่อนๆ ทุกคนก็ไม่ได้มีใครอยากให้ออก”
เพื่อนๆ ทุกคนยังลุ้นไหมให้เขาทั้งคู่กลับมาคบกันอีกครั้ง ?
“คือคนดีๆ แบบนี้ก็หายากเนอะ และที่ผ่านมาเพื่อนเราเองเขาก็แฮปปี้ ตรงนี้เราก็มีความสุข อีกอย่างเจเขาเป็นน้องที่น่ารักมากๆ เลยด้วย ถ้าหากต่อไปในอนาคตหากเขาจะกลับมาหรือเขาจะเป็นเพื่อนกัน ตรงนี้เราถือว่าเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว”
แสดงว่าทุกวันนี้เพื่อนๆ ทุกคนก็ยังรู้สึกกับเจเหมือนเดิม ?
“เหมือนเดิมเลยค่ะ ไม่มีเปลี่ยน เพราะเจเขาเป็นคนที่น่ารักมากๆ”
อย่างที่ผ่านมาเมย์ก็เคยพูดถึงเรื่องแต่งงาน เราเองก็พอจะทราบใช่ไหม ?
“เขาพูดตลอดค่ะ พูดตลอด และเพื่อนๆ ทุกคนก็ยังบอกเขาอยู่เลยนะว่าเมย์ไม่ต้องกังวล เพราะเมย์มีเพื่อนที่แต่งงานแล้วเยอะมาก ดังนั้นเรื่องสถานที่ เรื่องชุด เรื่องการ ขอให้เมย์บอกมาเลยเดี๋ยวเพื่อนจัดการให้หมด ถึงเจจะอยู่ญี่ปุ่นเราก็จะช่วยแจกการ์ดให้ คือทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่”
แสดงว่ามีการวางแพลนเรื่องแต่งงานเอาไว้แล้ว ?
“เป็นในลักษณะของการพูดเล่นๆ มากกว่าค่ะ คือบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล”
ณ ตอนนี้ สำหรับตัวเมย์เองเราในฐานะเพื่อนคิดว่าเขาดีขึ้นแล้วหรือยัง ?
“ก็เวลาคุยเรื่องงานก็จะมีตอบกลับมาบ้างแล้วนะคะ แต่ถามว่าดีขึ้นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เลยไหม มันไม่ดีขึ้นหรอก เพราะมันต้องใช้เวลา แต่เดี๋ยวเร็วๆ นี้เราจะนัดคุยงานกัน ซึ่งก็คงได้อัปเดตค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง”
เหมือนเราไม่ค่อยอยากให้เขาอยู่คนเดียว ?
“ก็ไม่อยากให้อยู่คนเดียวหรอกค่ะ แต่ด้วยความที่เรารู้จักนิสัยเมย์ ดังนั้นเราก็คงต้องให้เวลาเขานิดหนึ่งในการที่จะคิดหรือทบทวน เพราะว่าเมย์เองก็มีเพื่อนเยอะ ดังนั้นมันอาจจะมีคำแนะนำเยอะแยะมากมายเข้ามา แต่ว่าเราเองก็จะอยู่ตรงนี้คอยทำหน้าที่ช่วยสนับสนุนให้กำลังเขาค่ะ พร้อมไปหาเขาได้ทันที”
อย่างกรณีที่เราบอกว่าเรารับรู้ปัญหามาโดยตลอด แสดงว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่ทำให้เกิดจุดแตกหัก ?
“คือแต่ละคนก็มีปัญหากันหมดนะคะ ฉะนั้นเวลาเรามีปัญหาอะไรเราก็จะแชร์กันตลอด มันก็เลยทำให้เราได้รู้ว่าปัญหาของแต่ละคนมีอะไรบ้าง ซึ่งอย่างเรื่องเมย์อันนี้เราก็จะรู้ว่ามันเกิดปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้น แล้วเมย์จะทำยังไงต่อแค่นั้นเอง”
ในฐานะที่ตัวเราเองเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน เราได้ให้คำปรึกษาเขายังไงบ้าง ?
“ก็บอกเขาไปว่าชีวิตครอบครัวมันสำคัญ มันไม่ใช่แค่ ฉันรักเธอ เธอรักฉัน มันต้องอาศัยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เป้ยก็บอกเขาไปแค่นี้นะคะ มันไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว มันมีหลายๆ อย่างประกอบ ยิ่งถ้าเรามีลูกด้วยแล้วมันยิ่งสำคัญมากๆ ดังนั้นอย่าคิดหรืออย่าตัดสินใจอะไรเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”
แต่ก็มีหลายเพจที่ทำข้อมูลออกมาในทำนองว่า เมย์เปลี่ยนแปลงเพื่อเจทุกอย่าง แต่เจอาจจะไม่ได้ทำอะไรเพื่อเมย์ ?
“ตรงนี้ฝั่งเพื่อนเรา เราเห็นอยู่แล้วนะคะว่าเขาทำหลายอย่าง แต่ถ้าหากมุมไปที่เจที่เราเองก็รู้จัก คือเขาก็พยายามในส่วนของเขาแล้วแหละ เพราะเจเองก็เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ ขนาดเขาไม่มีเวลาว่างเขาก็ยังมาหายังมาปาร์ตี้กับเราในกลุ่ม คือเป็นเด็กที่อัธยาศัยดีไม่ถือตัว แต่สิ่งหนึ่งเลยที่เป้ยค่อนข้างจะทราบก็คือเขาเป็นคนที่รักครอบครัว”
“และอีกเรื่องที่เป้ยปลื้มเขามาตลอด ปลื้มมากๆ ก็คือวันแรกที่เขาสองคนออกมาเปิดตัว และเจก็ออกมาปกป้องเมย์เพราะเมย์ค่อนข้างจะโดนฟีดแบคจากกลุ่มแฟนคลับค่อนข้างจะรุนแรง แต่เจก็ยังออกมาปกป้องเมย์ คืนนั้นเป้ยบอกตรงๆ ว่าเป้ยนอนไม่หลับ คือกรี๊ดมาก ยังบอกเมย์อยู่เลยว่าผู้ชายคนนี้เท่มาก ดังนั้นเป้ยก็เลยมีความรู้สึกว่า ดีใจที่เพื่อนของเราเจอคนที่กล้าหาญ คนที่กล้าออกมาปกป้องเขา ซึ่งนั่นคือวันแรกที่เราย้อนกลับไปเราได้เห็นเขาในมุมนี้ ฉะนั้นเป้ยเชื่อว่าเจเองเขาก็คงมีเหตุผลอะไรหลายๆ อย่างของเขาค่ะ”
แสดงว่าพี่เป้ยเข้าใจทุกฝ่าย ?
“เข้าใจทุกฝ่ายค่ะ”
ถามถึงตัวเราเองบ้างล่าสุดเพิ่งกลับจากทริปญี่ปุ่น จะได้ยินข่าวดีเรื่องน้องคนที่สองหรือเปล่า ?
“ยังไม่รู้เลย แต่ว่ามีแพลนจะไปอีกนะเพราะว่าน้องโปรดเขาชอบสกี ที่บ้านก็เลยตัดสินใจแล้วว่าจะไปเที่ยวอีกรอบ”
ลีลาการเล่นสกีของน้องโปรดเป็นยังไงบ้าง ?”
“ดีใจมาก น้ำตาไหล ไม่คิดเลยว่าเขาจะเล่นได้ขนาดนี้ เพราะตอนแรกที่พาเขาไปเรียนยังแอบคิดเลยนะว่าเขาไม่รอด แต่พอไปถึงญี่ปุ่นจริงๆ ปรากฏว่าเขาเล่นได้เลย ดังนั้นก็อยากจะสนับสนุนเขาต่อไป”
แต่สำหรับเรื่องลูกคนที่สองก็ยังลุ้นกันต่อเนอะ ?
“รอลุ้นตลอดเวลาเลยค่ะ ก็ก่อนหน้านี้เนอะเป้ยเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าถ้าปลายปีน้องยังไม่มาก็คงไม่เอาแล้ว แต่ว่าตอนนี้เปลี่ยนใจ ยังปล่อยอยู่ ยังลุ้นอยู่ เมื่อกี้นี้ยังนั่งคุยกับพี่อ้อมอยู่เลยค่ะ พี่อ้อมก็แนะนำว่าให้ปล่อยถึง 40 เพราะพี่เขาก็ปล่อยถึง 40 เหมือนกัน ซึ่งพอได้ยินแบบนั้นมันก็ทำให้เรามีแรงฮึดขึ้นมาอีกรอบ”
จริงๆ ทริปญี่ปุ่นที่ผ่านมาถือว่ามีลุ้นไหม ?
“ก็มีลุ้น ไม่รู้ (หัวเราะ) ไม่รู้จริงๆ ยังไม่รู้เลย และก็ไม่อยากกดดันด้วย ขอยังไม่ตรวจดีกว่า”
ตอนนี้ก็พร้อมเสมอหากน้องจะมา ?
“สะดวกมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลยค่ะ พร้อม ขอให้มาเถอะ”
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ