บี้ สุกฤษฏิ์ พักหัวใจ ถ้าแม่อยากอุ้มหลานค่อยพาไปบ้านเพื่อน
ออกปากว่าขอเบรกเรื่องหัวใจให้ได้พักผ่อนก่อนดีกว่า สำหรับนักร้องหนุ่ม “บี้ สุกฤษฏิ์” ซึ่งเจ้าตัวได้เผยให้ฟังว่าตอนนี้อยากแบ่งเวลาให้กับงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวก่อน แต่หากคุณแม่อยากอุ้มหลานก็จะพาไปบ้านเพื่อน เพราะเพื่อนมีลูกกันหมดแล้ว
ช่วงหลังมานี้งานเพลงหายหน้าหายตาไป ?
“ก็กำลังค่อยๆ ทำอยู่ คิดว่าไม่น่าจะนานจะได้ออกมาให้ฟังก่อนครับ แล้วหลังจากนั้นค่อยมีละครเรื่อง พรหมไม่ได้ลิขิต งานเพลงที่หายไปก็คือค่อยทำอยู่นะ จะเป็นแนวไหนเดี๋ยวรอติดตามแล้วกัน แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพลงเร็ว เพลงสนุกนะ ก็น่าจะเต้นเดี๋ยวดูอารมณ์ก่อน อารมณ์ดีเดี๋ยวเต้น อารมณ์ไม่ดีเดี๋ยวปล่อยไว้เฉยๆ เราต้องดูว่าเทรนการเต้นอะไรกำลังมา แล้วเหมาะสมกับเราหรือเปล่า ถ้าเหมาะสมแล้วประยุกต์กับเราได้เดี๋ยวจัดให้ ตอนนี้เราก็เดินสายร้องเพลงไปเรื่อยๆ ประกอบกับทำงานเพลงไปด้วย”
กี่เปอร์เซ็นต์แล้วเพลงที่ทำอยู่ ?
“เพลงตอนนี้ทำได้ประมาณ 60-70% แล้ว แต่ติดที่แก้เยอะมากเลย กว่าจะลงตัวค่อนข้างใช้เวลา แต่โครงหลักทั้งหมดได้หมดแล้ว ถามว่าเราเข้าไปมีส่วนร่วมทำอะไรบ้าง เหมือนเดิมครับ ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งสุดท้าย ทุกๆ อย่างของเพลง คิดว่าจะปล่อยเป็นซิงเกิลเดียวก่อน ถ้าทำเพลงต่อๆ มาได้ทันอาจจะค่อยๆ ปล่อยเรื่อยๆ มันอยู่ที่ระยะเวลาว่าเราทำแต่ละเพลงห่างกัน หรือติดกันมากขนาดไหน”
ช่วงนี้เพลงค่อนข้างขายยาก หนักใจไหม ?
“เพลงค่อนข้างหนักใจ เลยว่าจะทำครีมขายสักหน่อย ล้อเล่นๆ แต่เราทำด้วยใจรักอะเนอะ ตราบใดที่เรายังมีใจรักในงานเพลงอยู่ เราก็สามารถทำได้เรื่อยๆ ถ้าเจ้านายยังจะลงทุนกับเราอยู่(หัวเราะ) เราก็หวังยอดดาวน์โหลด ลงทุนไปตั้งเยอะ ก็หวังยอดดาวน์โหลด หวังยอดวิว หวังให้คนชอบ ความเป็นบี้ สุกฤษฏิ์ เอาทิ้งไปเลย แต่เพลงที่ปล่อยออกมาเราก็คาดหวัง อยากให้กระแสตอบรับดี อยากให้มันเปรี้ยง ถ้าเกิดไม่คาดหวังก็ไม่รู้จะปล่อยมาทำไม ปล่อยไปเฉยๆ ลอยทะเลปล่อยไปทำไม ไม่มีประโยชน์”
ก่อนหน้านี้บอกว่าเบางานลงเพราะมีเงินพอใช้แล้ว ?
“ที่เบางานลงไม่ได้หมายความว่ามีเงินเยอะ เรามีเท่านี้แหละเราพอเพียง เราพอที่จะใช้แล้ว โดยปกติเราไม่ค่อยได้ใช้จ่ายอะไรเยอะแยะมากมาย เสื้อผ้าก็ธรรมดาๆ บ้าน รถ เราก็ธรรมดาๆ มันพอเพียงแล้ว ฉะนั้นเราทำงานที่เรารักเราชอบแล้ว ก็แบ่งเวลาให้กับชีวิตส่วนตัว กับครอบครัวดีกว่า ถามว่าอยากมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นไหม อยากมีเวลาให้กับคนรอบข้างมากขึ้น เพราะครอบครัว หรือเพื่อน หรือใครก็ตามที่เราสนิท เวลาที่เราทำงาน 7 วันต่ออาทิตย์ เราไม่มีโอกาสที่จะไปเที่ยวกับเขา เพราะเราทำแต่งาน เรามาคิดได้ว่างานกับเวลาส่วนตัวมันต้องสัมพันธ์กันซิ มันไม่ใช่จะไปเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกไหม ก็เลือกแบบนี่แหละ งานครึ่งนึง ชีวิตครึ่งนึง”
แล้วมีคนมาเคียงข้างหรือยัง ?
“คนเคียงข้างยังไม่มี เคยมีมาเยอะแล้ว หยุดก่อนแล้วกัน ถามว่าหยุดยาวไปไหม ยาวอะไรล่ะ เพิ่งปีนิดๆ เอง ก็หาให้ผมสิ อยากได้แบบไหนก็ได้ ที่พี่ๆ นักข่าวชอบผมก็พอใจ”
ต้องพักนานแค่ไหนถึงจะพร้อม ?
“ก็ตอบไม่ได้หรอก ก็แล้วแต่หัวใจคนเรา บางคน 1 วัน 2 วัน 1 อาทิตย์ 1 เดือน 1 ปี แล้วแต่ ถ้าพี่ๆ หาให้ก็เอา ตอนนี้จริงๆ ไม่ได้อยากมีหรอก ก็เฉยๆ แบ่งเวลาชีวิตเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวก่อน”
ที่ผ่านมาพักเรื่องหัวใจพอหรือยัง ?
“ก็คิดว่าคงน่าจะพอแล้ว อายุตอนนี้ก็ 32 ปีแล้ว โชกโชนความรักมาจริงๆ ก็ค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ค่อยได้เล่าให้ใครฟังเฉยๆ (หัวเราะ) คนที่เข้ามาก็มีบ้าง เราผู้ชายก็จะมีเซ้นส์ เพราะเราก็เคยทำเซ้นส์แบบนั้นกับคนอื่นมาก่อน หมายถึงเราไปจีบเขานะ พอเราเจอเซ้นส์แบบนั้นคืนบ้าง แต่เรายังรู้สึกอยากใช้ชีวิต แบ่งเวลาในเรื่องของงานกับชีวิตส่วนตัวตรงนี้ให้มันคุ้มค่าก่อน อันเรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากันครับ”
เพื่อนๆ มีครอบครัวไปหมดแล้วหรือยัง ?
“เพื่อนๆ เวลาไปปาร์ตี้ลูกมันก็วิ่งเต็มโต๊ะเลย แม่เราก็อยากอุ้มหลาน ก็เลยพาแม่ไปบ้านเพื่อน อุ้มลูกเพื่อนไปก่อน ถามว่าคุณแม่มีหาคู่ให้บ้างไหม แม่จะไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวครับ ณ เวลานี้ยังไม่อยากมีลูก เราชอบเด็ก รักเด็ก ชอบเล่นกับเด็ก แต่ยังไม่พร้อมจะเลี้ยงดูเด็ก”
เราก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ แพลนแต่งงานจะเลื่อนไปขนาดไหน ?
“อายุ 32 ปีก็ไม่ได้ถือว่าเยอะนะ แพลนแต่งงานยังไม่มี ยังหาตัวตน ตัวบุคคลคนนั้นไม่ได้เลย ก็ไม่รู้จะกำหนดแพลนแต่งงานไปทำไม ถามว่าอายุเยอะกลัวจะมีลูกยากไหม อยากที่บอกเรารักเด็ก ชอบเด็ก แต่เรายังไม่พร้อมจะเลี้ยงเด็ก ก็เลยยังไม่ได้นึกถึงเรื่องเด็ก ก็เลี้ยงลูกเพื่อนไปก่อน”
น้องๆ ในค่ายก็เยอะไม่มีปิ๊งใครบ้างเหรอ ?
“ก็แอบมองอยู่เหมือนกัน แต่ก็นึกขึ้นได้ เดี๋ยวๆ พักหัวใจไว้ก่อน ขอมองเฉยๆ ก่อน”
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ