"อ่ำ อัมรินทร์" เล่าช่วงชีวิตตกอับ เครียดหนักหลังหย่าภรรยา ถึงขั้นคิดอยากตาย

"อ่ำ อัมรินทร์" เล่าช่วงชีวิตตกอับ เครียดหนักหลังหย่าภรรยา ถึงขั้นคิดอยากตาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียกว่าเคยโด่งดังและมีชีวิตที่ดีประสบความสำเร็จสุดๆ ทั้งหน้าที่การงานและครอบครัว สำหรับนักร้อง-นักแสดง “อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน” ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจถึงจุดต่ำสุดในชีวิต หลังหย่าภรรยา “จอย อัจฉรียา” ผ่านทางรายการ เรื่องใหญ่ไฟกะพริบ ทางช่อง GMM25

เราเคยเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่เปรี้ยงมาก พอตกลงมารู้สึกยังไง?
“คือตอนที่ตกมาผมไม่ได้คิดว่าผมเป็นอะไรเลยนะครับ ตอนที่จังหวะตก ผมคิดว่าชีวิตอยู่ตรงไหน เราเป็นอะไรอยู่ เราทำอะไรอยู่ เรานั่งมองภาพตอนช่วงที่ประสบความสำเร็จ จนเข้าสู่ช่วงที่รับกรรมกันมาอย่างจริงจัง ก็เข้าใจชีวิตมากขึ้นจนมาถึงตอนนี้ครับ จนสู่ช่วงที่ไม่มีงาน”

ช่วงที่ไม่มีงาน มันไม่มีเลยเหรอ?
“มันไม่มีจากการที่เราทำรายการที่ผลิตออกทีวีตามช่องต่างๆ แล้วก็ช่วงที่ไม่ได้ทำงานเลย การที่เราต้องใช้จ่ายในบริษัท ในชีวิตประจำวัน มันก็หมุนเวียนกันได้ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจหรือปัญหาของประเทศที่มันเกิดขึ้นมา แล้วสิ่งที่ร้ายที่สุดคือร่างกายเราที่มันรับไม่ได้กับการทำงานแล้ว หมายถึงว่ามันประสบปัญหากับการเจ็บป่วย"

"ซึ่งมันไม่ได้คาดคิดว่า มันจะเกิดปัญหาอะไรขนาดนั้น ซึ่งมันน่าจะเป็นสาเหตุจากความเครียดมากๆ พอเครียดมากๆ มันก็หลั่งสารบ้าๆ บอๆ นะ พอมันหลั่งสารบ้าบอออกมา คือมันเสียใจทุกวัน มันไม่ได้ออกมากับน้ำตาหรอก อีก 5-6 เดือนต่อมา มันจะมาแล้วมันมาหนักมาก รวมถึงชีวิตที่เรามีมรดกจากคุณพ่อมาก็คือ กรรมพันธุ์เป็นโรคเกาต์"

"ผมคิดว่าผมได้รับโรคนั้นมา แต่พอมีโอกาสได้พบแพทย์ หมอเขาก็บอกว่า ผมไม่ได้เป็นเกาต์ แต่เป็นในลักษณะของรูมาตอยด์ ก็เลยจะต้องรักษาต่อไป”

ตอนที่ป่วยมีใครดูแลไหม?
“อยู่คนเดียวครับ จะกินขนมถุงก็ต้องเหยียบเอาแล้วเอามือเขี่ยๆ คีบๆ ขึ้นมากิน เพราะว่าแกะไม่ได้ กางเกงแพรยังรัดไม่ได้เลยอะ ต้องแก้ผ้าอยู่ห้อง มือบวมเท้าบวมหมดเลย เป็นแบบนี้อยู่ปีกว่า ก็มีแม่ช่วยดูแลครับ”

จุดหักเหของชีวิตจากที่ครอบครัวอบอุ่นมาก จนมาถึงวันที่ประกาศหย่ากับภรรยา แล้วยังมีหนี้สินมาอีกมากมาย? “หนี้สินจากทรัพย์สิน จากรถ 22 คัน จากบ้านหลังไร่หนึ่ง คือผมมีรถเยอะมาก ผมชอบขับรถ มีรถแข่งอะไรเยอะแยะไปหมด แต่หลังจากหย่าภรรยามันก็มาแล้วหลังจากนั้น 6-7 เดือน ความเครียดทั้งหลายมันก็หลั่งสารออกมา"

"ตอนที่เราเสียใจมันก็เสียใจจากการผิดพลาด การตัดสินใจในสิ่งที่เราทำไป มันก็เป็นเรื่องที่แรงมากสำหรับตัวเอง ซึ่งมันก็สำนึกแล้ว ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง แต่คิดว่าจะต้องแก้ไขให้ได้ อาจจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ แต่คิดว่าจะต้องทำยังไงให้ดีได้ มันก็มีวิธี ก็คือทำความเข้าใจกับสิ่งที่มันเปลี่ยนไป”

ตอนนั้นสภาพจิตใจเป็นยังไง กับการที่เรายังอยู่บ้านหลังเดิมแล้วยังเห็นภาพเดิมๆ ที่เคยมีลูก มีภรรยา?
“ทำใจไม่ได้ครับ พอตอนแรกอะได้อยู่หรอก แต่พอสักพักมันก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว คือผมเตรียมตัวที่จะรับสภาพนี้อยู่แล้ว คือผมกับจอยเป็นคนที่ทำงานด้วยกัน พี่จอยเขาก็จะเป็นดูแลเรื่องสปอนเซอร์ แล้วผมจะเป็นคนดูแลเรื่องโปรดักชั่น เวลาที่สปอนเซอร์เขาตำหนิอะไรมาพี่จอยเขาก็จะมาบอก แต่เนื่องจากเราดื่มด้วย แล้วด้วยอารมณ์เราด้วย คือเขาก็มาพูดดีกับเราแหละ แต่ตัวเรามันเป็นสันดานที่เป็นคนประชดประชันอยู่แล้ว มันก็เลยไปกันใหญ่เลย”

เคยคิดฆ่าตัวตายด้วย?
“ใช่ๆ คือเป็นวิธีการที่เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็คือพอแฟนจะเลิกกับเราไปเราก็ร้องฟูมฟาย จะไปวิ่งให้รถชนตาย แต่ตอนนั้นมันไม่ได้หนักหนาขนาดนี้ คือเรามีครอบครัว มีลูกที่น่ารักๆ เราก็มาคิดว่าจะเรียกร้องให้กลับมาดังเดิมมั้ย ด้วยวิธีร้องไห้เสียใจ ขอโทษ ทำยังไงก็ได้ หรือจะให้ยิงตัวเองตายให้ดูเลย"

"คือผมมีปืนแต่เป็นปืนของพ่อ แล้วปืนนั้นมันพัง มันเป็นแค่เหล็กทับกระดาษเท่านั้นเอง ผมก็เลยเอามาทำท่าอย่างนั้น แต่ตัวผมน่ะกลัวตาย อยากจะอยู่แก้ไขมากกว่า”

จุดที่ต่ำสุดคือการเลิกกับภรรยาใช่ไหม?
“ก่อนหน้านั้นมันก็มีปัญหากับการดำเนินชีวิตคู่ จนถึงที่สุดที่มันตัดขาดกัน หลังจากนี้มันก็ดิ่งลง และความเครียดทำให้เราแย่ลง เพราะเรารับกับความเป็นอยู่ของเราไม่ได้ มองไปทางไหนก็คิดถึงเขา มันเป็นเรื่องราวที่ผิดพลาดในชีวิตของผม แล้วมันเป็นบทเรียนที่ดี ที่นำไปสู่การพัฒนาชีวิต”

หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าหาธรรมะ?
“โชคดีที่มีเพื่อนสมัยเรียนเห็นพฤติกรรมเราเปลี่ยนไป ก็เลยเข้ามาหาที่บ้าน ก็นั่งคุยกันแล้วเขาก็แนะนำให้เราไหว้พระ ใช้เวลาเข้ามาอยู่กับธรรมะ ที่ผ่านมาเราอยู่กับโลกมืดมาตลอด ตอนนั้นกินเหล้า ติดบุหรี่ทุกวัน ปาร์ตี้ตลอด”

หลังจากเพื่อนเข้ามาแนะนำ เราก็บวชเลย?
“ยังครับ คือเพื่อนเข้ามาแนะนำ พาเราไปวัดต่างๆ เราก็เริ่มเข้าใจชีวิต เริ่มเข้าใจสัจธรรมของชีวิตขึ้น จากนั้นเพื่อนก็ค่อยๆ ออกไป แล้วเราก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องหลุดพ้นด้วยตัวเอง เริ่มทำความเข้าใจกับความผิดเรา ก็โทรไปบอกคุณจอยขออโหสิกรรมนะ มันเป็นความผิดของเราเอง เราก็ขอโทษแล้วจะทำตัวให้ดี"

"คือการไม่ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจอีกต่อไป แล้วก็ไม่ได้ทวงคืนอะไรทั้งนั้น ให้เขาอยู่อย่างสบายใจที่สุด และเราก็พยายามทำตัวให้ดีขึ้นๆ แต่ตอนนั้นมันยังทำอะไรไม่ได้ เพราะร่างกายยังไม่พร้อม ยังตีกอล์ฟไม่ได้ กำมือแน่นๆ ก็ไม่ได้”

คุณจอยได้โทรมาถามไถ่ไหม?
“เขาดูแลผมตลอด เขาไม่เคยไม่รับสายผม ไม่เคยไม่ตอบไลน์ผมเลย เราดีใจมากเลยนอกจากที่เขาดูแลลูกของเราดีอยู่แล้ว เขาถามเราว่า เอาแหวนไปก่อนมั้ย เพราะเขารู้ว่าเราต้องใช้เงิน ให้เอาไปขายใช้หนี้ก่อนแล้วค่อยทำงานหาเงินกลับมาคืน เขาก็ให้มาวงหนึ่ง แต่ไม่ใช่แหวนแต่งงานนะ"

"มันก็เลยทำให้เราพยายามที่จะกลับมาดีให้ได้ ต้องยืนให้ได้ จนเรากลับมาจับไม้กอล์ฟได้ เราก็ดีใจมาก เพราะถ้าร่างกายเราเราคิดว่า มันทำไม่ได้ มันก็จะทำไม่ได้ คือมันไปจำกัดตัวเราเอง จิตสั่งตัวเอง”

ซึ่งตอนนี้หักดิบเลย เรื่องเหล้า-บุหรี่?
“ใช้คำว่า มีศรัทธาดีกว่า มีศรัทธากับในหลวง รัชกาลที่ 9 ครับ (ยกมือขึ้นไหว้) ในช่วงที่กลับมาสวิงกอล์ฟได้ น้ำตาไหลเลยนะครับ เหมือนถูกหวยรางวัลที่ 1 แล้วในช่วงพระราชพิธีก็เลยตัดสินใจบวช เป็นตัวแทนของครอบครัวเราแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ก็เลยตัดสินใจบวช โทรบอกทุกคน พี่จอยก็บอกว่า ดีเลย ภาพที่บวชนั้นก็เลยล้างภาพเก่าๆ ของผมได้”

กลับมาเป็นอ่ำคนใหม่ ที่ลด ละ เลิกทุกอย่าง แล้วมาอยู่ในพระพุทธศาสนา?
“ใช่ครับ อยู่ในนั้นเลยครับ ผมถวายตัวเลยครับ”

จากนี้ไปจะเป็นยังไงต่อกับชีวิต?
“ขอคิดก่อนครับว่าจะทำยังไงต่อไป”

น้องแอลลี่อายุเท่าไรแล้ว?
“อายุ 14 ครับ คือเขาเกิดมาในครอบครัว ในความเป็นเรา เขาก็เห็นแล้วว่าพ่อของเขาทำอะไร พอโตขึ้นมาเขาก็ทำเองได้แล้ว แค่ไปศึกษาเพิ่ม เขาก็เรียนรู้จากสิ่งรอบข้าง รู้สึกเป็นบุญมากที่ได้ลูกคนนี้ เป็นเทวดาเลยครับ ถามว่าเจอกันบ่อยมั้ย ช่วงนี้ไม่ค่อยบ่อยครับ แต่ก็ได้ดู ได้ติดตาม ได้คุยกับพี่จอยทุกวัน เราก็ยังแบ่งกันเลี้ยง แบ่งกันดูแลอยู่”

ล่าสุดน้องแอลลี่ได้เล่นหนังกับญาญ่า ซันนี่ และนิชคุณ?
“ใช่ครับ ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะว่าเขาอยู่ในตรงนี้มามีความเป็นศิลปินอยู่แล้ว เขาเห็นพ่อเขาทำอะไร เขาก็ซึมซับมา โชคดีที่เขาได้สองภาษา เพราะตอนเด็กๆ ตั้งแต่เกิดมาจอยเขาก็พูดภาษาอังกฤษกับลูกเลย เราก็พูดไทย แล้วสงสัยว่าพูดแบบนี้ลูกจะเข้าใจเหรอ แต่มาตอนนี้นับว่าลูกโชคดีที่เขาพูดได้สองภาษา”

คุณพ่อมีหวง มีห่วงไหม?
“ไม่มีนะครับผม ไม่ได้ห่วงอะไรด้วย เพราะคุณจอยเขาดูแลดี อบรมดี แล้วก็เป็นช่วงโตตามวัย เขาก็จะมีชอบใครแล้วแหละ แต่จะบอกหรือไม่บอกก็พอเดาได้ บางทีเราจะไปล่วงเกินชีวิตเขามากไม่ได้ เพราะมันเป็นชีวิตเขา”

อยากฝากอะไรเป็นแง่คิดสำหรับคนอื่นๆ ไหม?
“เรื่องของแต่ละคนมันก็ต้องผ่านความเป็นไปทั้งสุขและทุกข์ มันขึ้นอยู่กับเราตลอดเวลา มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำ นั่นก็คือกรรม อาจจะเข้าหาธรรมะหน่อย ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ผมเองก็ไม่ได้รู้มาก่อนว่า การแก้ไขในเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นต้องทำยังไง ผมก็ยึดธรรมะ เราจะหลุดพ้นจากทุกข์ กรรม ก็ต้องด้วยตัวเราเอง ใครก็ช่วยเราไม่ได้”

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ "อ่ำ อัมรินทร์" เล่าช่วงชีวิตตกอับ เครียดหนักหลังหย่าภรรยา ถึงขั้นคิดอยากตาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook