จับบิ๊ก "อิตาเลียนไทย" ล่าสัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวร
เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร บุกจับแคมป์พักในจุดห้าม ตรวจสอบพบผู้บุกรุกคือนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารอิตาเลียนไทย พร้อมด้วยซากสัตว์ป่าคุ้มครองและอาวุธปืน
เพจเฟซบุ๊ก คนอนุรักษ์ โพสต์ข้อความว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ตะวันตก (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง) ได่รับแจ้งพบนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ตั้งแคมป์พักในบริเวณจุดห้ามตั้ง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ พบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้คือ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จึงเข้าตรวจค้นบริเวณเต้นท์พัก พบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา กับซากเนื้อเก้ง
พร้อมขยายพื้นที่ตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกกรดติดลำกล้อง 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลำกล้อง 1 กระบอก และปืนลูกซองแฝด 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกมาก ใกล้กับจุดซ่อนอาวุธ ยังพบซากเสือดำถูกชำแหละ และถลกหนัง และยังพบเครื่องกระสุนปืนเพิ่ม เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมเพื่อส่งดำเนินคดีที่ สภอ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
โดยทาง พล.อ. สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงกรณีการควบคุมนายเปรมชัย กับพวก พร้อมอาวุธปืนและซากสัตว์ในเขตทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตกว่า เรื่องความผิดว่าไปตามกระบวนการ และดำเนินการตามกฎหมาย แต่อย่าไปปรักปรำก่อนต้องดูที่ฐานความผิดและพยานหลักฐาน ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น พล.อ. สุรศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ขอให้สอบถามข้อมูลที่อธิบดีกรมอุทยาน ส่วนตัวเห็นว่าขอให้ดูพยานหลักฐานก่อนดีกว่า
ส่วน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุมนายเปรมชัย หลังพบซากสัตว์ป่าคุ้มครองและอาวุธใกล้เต้นท์ที่พักในเขตรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร คงต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
ด้าน กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ เปิดเผยกับวอยซ์ออนไลน์ว่า ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า นายเปรมชัย เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ในนามแขกของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นั้น ทางนายเปรมชัยมีการประสานงานมาเพื่อขออนุญาตเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ จริง ซึ่งทางสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าทำตามหน้าที่ โดยการส่งเรื่องไปยังเจ้าหน้าที่ฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฯ ดูแลความเรียบร้อยกับนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในเขตอุทยาน และในอุทยานเองก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว หากพบสิ่งผิดปกติจะเข้าไปดำเนินการทันที เช่น กรณีของนายเปรมชัย ที่พบหลักฐานทั้งอาวุธและซากสัตว์ ซึ่งลำดับต่อไป เจ้าหน้าที่เขตฯ จะนำตัวผู้กระทำผิดแจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบสวนต่อไป
ในขณะที่ มูลนิธิสืบนาคเสถียร ออกแถลงการณ์กรณีล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 โดยกล่าว ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่เขตฯ ในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ พร้อมขอให้รัฐบาลอย่าเกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของผู้ต้องหา ขอให้สืบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อไป
ทั้งนี้ ไก่ฟ้าหลังเทา และ เก้ง อยู่ในรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ประกอบด้วยสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนม 201 ชนิด นก 952 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 91 ชนิด สัตว์สะเทินน้ำและสะเทินบก 12 ชนิด แมลง 20 ชนิด ปลา 14 ชนิด และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ 12 ชนิด
โดยใน พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ระบุชัดว่า สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสัตว์ที่ห้ามล่า พยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก เว้นแต่ได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม วอยซ์ออนไลน์ มีการสอบถามไปยัง สภ.ทองผาภูมิ ได้ความว่า ยังไม่มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร - ห้วยขาแข้ง มีเนื้อที่กว่า 4 ล้านไร่ ครอบคลุม จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี และตาก ประกอบด้วย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก - ตะวันออก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งถือเป็นป่าอนุรักษ์ที่เป็นพื้นที่สำคัญของกลุ่มป่าตะวันตกซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
ทั้งนี้องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นสถานที่ธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่ยังมีความหลากหลายทางด้านพันธุกรรมพืชและสัตว์หลากชนิด โดยเฉพาะ ช้าง กระทิง และเสือเกือบทุกชนิด
เปิดไทม์ไลน์เส้นทางอิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่า
ขณะที่ รายงานจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชระบุว่า ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยเดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก -หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง -หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช โปรแกรม 2 วัน 1 คืน (เส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยวชื่อ ทินวย-ทิคอง-มหาราช ระยะทาง 30 km)
ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราชว่า คณะของนายเปรมชัย กรรณสูต ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยฯ มหาราช ค่าพิกัด 47 P 485821 E 1678956 N ซึ่งเป็นจุดที่ ขสป.ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพิสูจน์ทราบ ตรวจพบ
1. อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก
2. อาวุธปืนไรเฟิลติดลำกล้องจำนวน 1 กระบอก
3. อาวุธปืนลูกซองแฝด จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนพร้อมใช้งานและพบซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวนายเปรมชัย กรรณสูตรและคณะมาที่สำนักงานเขตฯ ถึงในเวลา 02.40 น.
และในช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ. คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กลับไปตรวจสอบบริเวณแค้มป์พักแรมซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุซ้ำ ตรวจพบสิ่งของและซากสัตว์ป่าเพิ่มเติม ดังนี้
1. จุดที่ 1 อยู่ห่างจากจุดที่ตั้งแค้มป์พักแรมไปทางทิศเหนือ ประมาณ 5 เมตร พบหนังเสือดำลักษณะเป็นผืนทั้งตัว โดยถูกชำแหละเนื้อออกไปแล้ว และผืนหนังเสือดำถูกถนอมซากด้วยการทาด้วยเกลือเพื่อมิให้เน่าเสีย วัดขนาดความยาวจากหัวถึงสะโพก 83 เซนติเมตร ความยาวจากหัวถึงหาง 148 เซนติเมตร รวมทั้งพบกะโหลกเสือดำ 1 หัว ชิ้นส่วนทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในถุงดำและมัดปากถุงด้วยเชือก ซุกซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้
2. จุดที่ 2 อยู่ห่างจากแค้มป์พักแรมไปทางทิศเหนือประมาณ 5 เมตร พบกระเป๋าสะพายข้างสีแดงดำ ถูกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าแห้งปิดคลุม เมื่อเปิดดูภายในกระเป๋าพบสิ่งของดังนี้
2.1 กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 2 แรงครึ่ง จำนวน 13 นัด
2.2 กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 1 แรง จำนวน 5 นัด
2.3 เข็มขัดคาดเอวแบบมีช่องเก็บกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 เส้น
2.4 กระสุนอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 50 นัด แยกเป็นกระสุนหัวระเบิด จำนวน 11 นัด และกระสุนหัวตะกั่ว จำนวน 39 นัด ทั้งหมดบรรจุอยู่ในกล่องกระสุน 1 กล่อง
2.5 นกหวีดแบบใช้เป่าล่อนก จำนวน 1 อัน
2.5 กระสุนอาวุธปืนไรเฟิล ยี่ห้อ WINCHESTER 30-06 SPRG จำนวน 3 นัด ซึ่งเป็นกระสุนแบบเดียวกันกับที่ตรวจพบในอาวุธปืนยาว (ปืนไรเฟิล) ยี่ห้อ STEYR-MANNLICHER-M หมายเลขตัวปืน 201820 ทะเบียนอาวุธปืน กท.2850473 ข้างต้น
2.6 น้ำมันล้างปืน 1 ขวด
2.7 ไฟฉายสปอร์ตไลต์ยี่ห้อ Metro จำนวน 1 กระบอก
2.8 ช้อนส้อมแบบพับได้ 1 คู่
2.9 มีดพับ 1 เล่ม
3. จุดที่ 3 พบซากเสือดำ 1 ตัว ถูกชำแหละแล้ว รวมน้ำหนักซาก น้ำหนักกะโหลกและเครื่องในได้ 10.6 กิโลกรัม โดยไม่รวมหนังเสือ โดยบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าปิดคลุม