‘ประยุทธ์’ ลั่น ไทยนิยม ไม่ใช่บันไดต่อท่ออำนาจ ‘คสช.’
นายกรัฐมนตรี ยืนยันโครงการไทยนิยมยั่งยืน ไม่ใช่การต่อท่ออำนาจรัฐบาล คสช. แต่เป็นหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชนในระดับภูมิภาค ด้าน 'ประวิตร' กำชับผู้ว่าฯลงพื้นที่แจงปรองดอง ขณะที่ 'วิษณุ' ชี้ประชาธิปไตยเหมือนทุเรียน-สับปะรด
9 ก.พ. 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตาม “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมงาน
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนประเทศตามวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และสร้างความฝันยิ่งใหญ่ ส่วนความฝันจะให้เล็กหรือจะใหญ่ อยู่ที่การกระทำเพื่อจะทำให้ความฝันเป็นจริงให้ได้ และจะต้องนำนโยบายไทยนิยม ไปสู่ระดับพื้นที่ตามกลไก
หากตั้งแง่หรือไม่เห็นด้วยก็จะทำอะไรไม่ได้ เพราะเราบังคับคนให้เห็นด้วยไม่ได้ แต่จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และอย่านำปัญหาเล็กๆ มาทะเลาะกันในวันนี้ เพราะต้องทำงานแบบคู่ขนาน ซึ่งทุกอย่างประชาชนได้ประโยชน์ไม่ใช่รัฐบาล และ คสช. ส่วนข้าราชการก็จะเกิดความภาคภูมิใจในการทำงาน
สำหรับการดำเนินการในวันนี้ ก็เพื่อตอบสนองความเท่าเทียมทางโอกาส และความเป็นธรรม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่จะต้องดูแล และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ซึ่ง ส.ส.ต้องนำปัญหาจากประชาชนมายังรัฐบาล และรัฐบาลจะต้องมีความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณลงไปในพื้นที่ด้วย ดังนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนว่าไม่ดูแลคนจน
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวยืนยันว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืนไม่ใช่การให้รัฐบาล หรือ คสช.อยู่ได้ต่อไป แต่ต้องทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากให้ได้ ให้เกิดความทั่วถึงในทุกพื้นที่ ทั้งหมดคือหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
ขณะที่ ประชาธิปไตยไทยนิยมยั่งยืน คือ การมุ่งมั่นในการทำความดีแก้ไขปัญหา และอุปสรรคของประเทศ ไม่ใช่นำกติกามาขัดแย้งซึ่งกันและกัน และมีวิธีการแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้กฎหมายอยู่ ซึ่งกฎหมายในปัจจุบันประชาชนจะได้ประโยชน์มากที่สุด และกฏหมายบางอย่างต้องไม่ละเมิดเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อย
ดังนั้นอย่าให้ทุกอย่างต่างคนต่างทำ เพราะจะไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ และตอบคำถามไม่ได้ ตลอดจนประชาธิปไตยไทยนิยมไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นไปตามหลักของประชาธิปไตย หากใครมาบริหารประเทศจะต้องบริหารแบบประชาธิปไตยไทยนิยม คือบริหารงานแบบที่คนไทยนิยม และรัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า โดยส่วนตัวมีความตั้งใจให้งบประมาณตามโครงการที่เสนอเข้ามาในแต่ละปีงบประมาณ แต่งบประมาณมีจำกัด ดังนั้นจึงต้องเสนอโครงการและงบประมาณที่สอดคล้องกัน
ส่วนที่การมีวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลมีที่มาแบบนี้จะใช้งบประมาณได้สบายนั้น ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ใช้เงินได้สบายหรืออนุมัติได้ง่ายๆ เพราะจะต้องนำมาหารือแถลงชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนไม่ใช่ปล่อยผ่านไป ส่วนความมั่นคงก็มีความจำเป็น เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของทุกเรื่อง หากไม่คำนึงถึงความมั่นคง อนาคตใครจะเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยว
ด้านโครงการไทยแลนด์ 4.0 ไม่ใช่การสร้างความแตกแยกแต่เป็นการสร้างจุดร่วมกัน และเป็นการสร้างอนาคตให้กับลูกหลาน รวมถึงมุ่งพัฒนาคนไปสู่ยุคดังกล่าว เพราะปัจจุบันคนมีหลักคิดที่ต่างกันมาก จึงขอให้สร้างหลักคิดที่ถูกต้อง เพื่อมุ่งสู่ความปรองดองของคนในชาติ ไม่ใช่มาบิดเบือนกัน
ส่วนที่มีคนบอกว่ารัฐบาลชุ่ย ในการออกกฎหมายนั้น ปัจจุบันสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. มีการอภิปรายกฏหมายแต่ละฉบับกว่า 8 ชั่วโมง พร้อมยืนยันว่า คสช.สั่งการออกกฏหมายไม่ได้ เนื่องจากสัดส่วนใน สนช. ไม่ได้มีทหารเพียงอย่างเดียว แต่มีภาคเอกชนและผู้คุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถด้วย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า สัญญาประชาคม นั้น เป็นหนึ่งใน 10 เรื่องของโครงการไทยนิยมยั่งยืน เป็นกรอบในการอยู่ร่วมกันในอนาคตอย่างสันติ ให้คนไทยทุกคนต้องเคารพกฎหมาย โดยเป้าหมายคือประชาชนทุกคนต้องได้รับประโยชน์สูงสูด เกิดความสามัคคีปรองดอง มีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ
ทั้งนี้ต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชน เช่น ความรู้เรื่องประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล การบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งต้องอาศัยกลไกของกระทรวงมหาดไทย จึงฝากผู้ว่าราชการจังหวัด
โดยเฉพาะการคัดเลือกทีมวิทยากรเพื่อลงไปรับฟัง และสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยขอให้ปรับข้อมูลของวิทยากรให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ด้วย
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้คำว่าประชาธิปไตยนั้น ประชาชนมักลืมนึกถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความยากจน และการศึกษา ดังนั้นจึงมีการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้นง่าย และทุกรัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอดแต่อาจจะถูกบ้างและผิดบ้าง โดยรัฐบาลนี้จะอยู่สั้นหรือยาว และทำถูกผิดหรือไม่ตนเองไม่ทราบ
ส่วนโครงการประชาธิปไตยไทยนิยมยั่งยืน นั้นมีกรอบความคิดเนื้อหา และสิ่งที่จะทำตามโครงการ 10 เรื่อง พร้อมยกตัวอย่างถึงสัญญาประชาคม ที่ต้องการสร้างให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ในการสร้างสามัคคีปรองดอง
และในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการเดินหน้าเรื่องดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ทำเรื่องการสร้างความปรองดองอยู่ แต่ไม่ได้ไปดึงคดีออกจากศาล และไปซุกไว้ใต้พรมแต่อย่างใด เพราะต้องเคารพต่อกระบวนการยุติธรรรม
นายวิษณุ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไทยนิยม ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาล และรัฐมนตรี แต่ประชาธิปไตยไทยนิยม คือ คนที่ไทยนิยมชมชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ส่วนประชาธิปไตยเปรียบเสมือนทุเรียนสับปะรดที่มีเปลือก และเนื้อข้างใน เพราะมีกระบวนการเลือกตั้งเป็นเพียงเปลือกข้างนอก แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่เนื้อทุเรียนและสัปปะรดมีความสำคัญกว่า โดยเฉพาะการเคารพเสียงข้างมาก สิทธิเสรีภาพ ความรักชาติ ความเสียสละ และความมีระเบียบวินัย ถือเป็นสิ่งที่สำคัญในเนื้อในของรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นจึงต้องไปชี้แจงกับประชาชนให้รับทราบในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ต้องหาให้ได้ว่าประชาธิปไตยไทยนิยมนั้นป็นแบบใด เพราะในแต่ละประเทศก็มีประชาธิปไตยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว