พนักงานเก็บขยะอึ้ง พบทารกยัดถุงดำ 4 ศพ คาดเหยื่อทำแท้งเถื่อน

สยดสยอง 4 ศพเด็กทารกยัดถุงดำทิ้งถังขยะ คาดเหยื่อทำแท้งเถื่อน ชาวบ้านรุมสาปแช่ง

(13 ก.พ.) ร้อยตำรวจโทสมมิต เพชรประดิษฐ์ ร้อยเวรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหัวหิน รับแจ้งเหตุจากคนงานรถเก็บขยะเทศบาลเมืองหัวหิน พบศพเด็กทารกถูกห่อในถุงดำทิ้งถังขยะ ซอยชลประทาน 68 ที่บริเวณข้างร้านสะดวกซื้อ หมู่บ้านรวมสุข เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

โดยที่เกิดเหตุพบรถเก็บขยะจอดอยู่ เครื่องดันขยะกำลังบีบดันถุงดำซึ่งมีหัวของเด็กทารกโผล่ออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการนำถุงดำออกมาให้ทีมแพทย์ตรวจสอบ พบร่างเด็กทารกจำนวน 2 ศพ และตรวจสอบถุงดำอีกถุงซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน เมื่อเปิดออกดูพบศพเด็กทารกอีก 2 ศพ รวมทั้งสิ้นเป็น 4 ศพ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเด็กมีอายุครรภ์ช่วง 6-8 เดือนจำนวน 2 ศพ อวัยวะครบ อายุครรภ์ 3-4 เดือน จำนวน 1 ศพ ร่างกายสมบูรณ์ และอายุครรภ์ 8-10 สัปดาห์อีกจำนวน 1 ศพ ภายในถุงดำศพเด็กถูกห่อด้วยผ้าอ้อมผู้ใหญ่ชุ่มไปด้วยเลือด ชาวบ้านที่พบเห็นต่างรุมสาปแช่งแม่ใจร้าย และผู้ที่เอาศพเด็กมาทิ้ง 

นายสิทธิพร วิชัย ชาวบ้านในหมู่รวมสุข เล่าว่า บ้านของตนเองอยู่ตรงข้ามกับจุดที่ตั้งถุงขยะ โดยจุดนี้จะมีถังขยะตั้งเรียงรายกัน 9 ถัง มีชาวบ้านในหมู่บ้าน และผู้ผ่านไปมามาทิ้งขยะตลอดทั้งวัน ในแต่ละวันรถเก็บขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน จะมาเก็บขยะช่วงประมาณ 9-10 นาฬิกา เป็นประจำทุกวัน ช่วงเช้าวันนี้ เมื่อรถเก็บขยะมาเก็บขยะขึ้นรถตามปกติ ขณะที่เครื่องกำลังบีบอัดขยะ คนงานเก็บขยะก็พบศีรษะเด็กทารกโผล่ออกมา จึงหยุดขั้นตอนบีบอัด และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ เมื่อมาตรวจสอบก็พบว่าศพเด็กทารก และเมื่อตรวจสอบถุงดำอีกถุงก็พบศพเด็กทารกอีก โดยเมื่อวานนี้สังเกตพบรถยนต์เก๋งแปลกหน้ามา 2 คัน แต่ตนไม่ทันสังเกตว่าเป็นยี่ห้ออะไร

ด้านพันตำรวจโทเสมอ อยู่สำราญ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.หัวหิน กล่าวว่า ภายหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าศพเด็กทารกทั้ง 4 ราย เกิดจากการทำแท้งเถื่อน ไม่ใช่ฝาแฝดแน่นอน เนื่องจากมีอายุครรภ์ที่แตกต่างกัน ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดรอบๆ ที่เกิดเหตุ เพื่อหารถยนต์ และบุคคลต้องสงสัยที่นำเด็กมาทิ้ง ทั้งนี้คาดว่าคนร้ายน่าจะนำมาทิ้งไม่เกิน 1 วัน เนื่องจากสอบถามจากคนงานเก็บขยะ ทราบว่าเมื่อวานนี้ที่มาเก็บขยะไม่พบสิ่งผิดปกติ เบื้องต้นได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ และเร่งติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเป็นคดีสำคัญและไม่เคยเกิดขึ้นในอำเภอหัวหินมาก่อน