คุมทำแผน หนุ่มฆ่าม่ายสาวหมกดงธูป สารภาพกับพระก่อนบอกที่ซ่อนศพ
จากกรณี น.ส.สมัย อายุ 40 ปี แม่ม่ายสาว ซึ่งหายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. กระทั่งพบศพถูกฆ่าตายทิ้งศพหมกดงธูป กลางทุ่งนา บ้านโพนไร่ หมู่ 11 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โดยเจ้าหน้าที่พบศพเมื่อช่วงสายวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 5 วัน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (20 ก.พ.)เจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.บางปลาม้า ได้ทำการจับกุมคนร้าย นายกำธร หรือ ฮอน อายุ 27 ปี ซึ่งได้หลบหนีไปกบดานที่บ้านญาติในพื้นที่ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางปลาม้า ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายกำธร ให้การอ้างว่า รู้จักกับผู้ตายทางเฟซบุ๊ก และคบหากันมาได้ปีเศษ โดยตนประกอบอาชีพขับรถเกี่ยวข้าวยามว่างก็ออกหาปลาขาย เมื่อเร็วๆ นี้ผู้ตายได้ยืมเงินตนจำนวน 47,000 บาท เพื่อจะนำไปใช้จ่ายให้ลูกสาวเข้าโรงเรียน ซึ่งผู้ตายรับปากว่าจะคืนเงินให้
และเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ช่วงเวลา 11.30 น. ผู้ตายได้ขับรถกระบะมาหาตนที่บ้าน เมื่อตนทวงถามเงินที่ยืมไปผู้ตายกลับบอกว่าไม่มี พร้อมกับเดินออกจากบ้าน ตนจึงกระชากแขนผู้ตายไว้แต่ผู้ตายกลับใช้ปากกัดที่แขนตนด้วยความโมโห จึงสะบัดจนร่างผู้ตายล้มลงตนจึงใช้เท้าเตะไปที่ก้านคอ 1 ที ทำให้ผู้ตายแน่นิ่ง และเสียชีวิตทันที
ตนจึงนำศพเข้าไปไว้ในห้องแล้วหาผ้าคลุมร่างผู้ตายเอาไว้ จนช่วงบ่ายตนได้ออกไปหาเพื่อน กระทั่งเย็นจึงกลับเข้าบ้านพบหลานสาว ซึ่งอยู่บ้านเดียวกัน จึงบอกหลานว่าตนทำคนตาย จากนั้นไปนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่บ้านอา ซึ่งอยู่ติดกันหมดเบียร์ 2 ขวด
กระทั่งสองทุ่มจึงกลับเข้ามาอยู่ในบ้านเกิดเหตุจนเวลาเที่ยงคืน ย่างเข้าวันที่ 15 ก.พ.จึงแบกศพ ไปใส่รถกระบะนำไปทิ้งในดงธูป แล้วกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะขับรถกระบะของผู้ตายเข้ากรุงเทพ เพื่อจะไปทำงานร้านไดนาโม ย่านรัชดา ซึ่งตนเคยทำมาก่อน ระหว่างทางได้โยนเสื้อผ้าของตัวเองและของผู้ตายทิ้งข้างทาง
นายกำธร ผู้ต้องหาให้การอีกว่าหลังจากไปถึงร้านไดนาโม ตนได้นอนพักอยู่ในรถเนื่องจากร้านปิดช่วงเทศกาลตรุษจีน และวันที่ 16 ก.พ.สาวทอมเพื่อนผู้ตายได้โทรศัพท์มาหา โดยบอกว่าให้ตนนำรถกระบะคันดังกล่าวไปคืน และสาวทอมจะคืนเงินจำนวน 47,000 ให้
ตนจึงได้ขับรถกลับโดยนัดเจอกันที่ห้าง สาขาสุพรรณบุรี แต่เมื่อไปถึงกลับเจอตำรวจจับตัวไปสอบสวนปากแต่ไม่พบหลักฐานและพิรุธ ตำรวจจึงปล่อยตนกลับบ้าน โดยยึดรถกระบะไว้ หลังตำรวจปล่อยตัวตนจึงกลับไปนอนบ้านอาซึ่งอยู่ใกล้บ้านเกิดเหตุ
ขณะนั้นอารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และอาสาวได้ถามตนว่าเป็นคนทำหรือเปล่า ตนจึงรับสารภาพว่าเป็นคนทำจริง จากนั้นอาได้โทรศัพท์ ไปบอกพระธนพงศ์ ซึ่งเป็นสามีของอา เล่าเรื่องดังกล่าวให้ฟัง และพระธนพงศ์ ได้โทรศัพท์ย้อนกลับมาหาตนถามว่าตนเป็นคนก่อเหตุใช่หรือไม่ ตนจึงรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุเองทั้งหมด พร้อมกับบอกที่ซ่อนศพ
หลังจากบอกที่ซ่อน ศพเสร็จตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หนีออกจากบ้านไปหายาย ที่ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท แต่ไม่พบยายกลับพบลุงซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ตนก็เล่าเรื่องที่ฆ่าคนตายให้ลุงฟัง ลุงจึงถามตนว่าจะทำยังไงต่อไป ตนจึงบอกลุงว่าขอไปตั้งหลักก่อน จากนั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปหาญาติ ที่ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และตนได้รับการติดต่อจากพระธนพงศ์ ให้ตนมอบตัวตนจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวดังกล่าว
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (20 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นาย คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางญาติของผู้เสียชีวิตที่ทราบข่าวแล้วมาดูการทำแผนรอรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจจึงต้องเร่งทำแผน หลังทำแผนเสร็จเจ้าหน้าที่ได้รีบนำตัวผู้ต้องหากลับโรงพักทันทีเพื่อความปลอดภัย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ
ด้าน นางสมหมาย อายุ 67 ปี มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า อยากให้ผู้ต้องหาไปจุดธูปขอขมาศพ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้หลอกเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทของผู้ตายไปแล้วยังหลอกว่าจะคืนสร้อยทองให้ 2 บาทในวันที่ 14 ก.พ.แต่กลับหลอกลูกสาวของตนมาฆ่าลูกของตนทำผิดอะไร หากผู้ต้องหาไม่ยอมขอขมาตนและญาติก็จะไม่ยอมเผาศพ
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาชี้แจงว่า ผู้ต้องหาไม่ประสงค์จะออกมาขอขมา ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ตำรวจไม่สามารถบังคับให้ผู้ต้องหาทำได้ ทางญาติผู้เสียชีวิตเข้าใจการทำงานของตำรวจ จึงได้แยกย้ายกันกลับบ้านไป