กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวซะแล้ว จากกรณีเจ้าของบ้านรุมทุบรถกระบะที่จอดขวางหน้าบ้านเพียงเพราะลงไปซื้อของที่ตลาดที่ตั้งล้อมรอบบ้านหลังนี้

ซึ่งหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นทางเจ้าของบ้านได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมด โดยทางครอบครัวได้ใช้ความอดทนจนถึงที่สุดแล้ว เคยร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากตลาด ทั้งจอดรถกีดขวางหน้าบ้าน มีคนปีนรั้วหน้าบ้าน หรือมีคนปล่อยงูเข้าบ้าน มีคนมากดกริ่งเล่น

หรือเรื่องค่าไฟที่บิลเรียกเก็บเป็นหมื่น ทั้งๆ ที่บ้านไม่ได้ใช้ไฟมาก ทุกเรื่องมีการพยายามหลายช่องทางในการแจ้งปัญหาความเดือดร้อน แต่ไม่ได้รับการเข้ามาดูแล เป็นการต่อสู้มากว่าสิบปี จนต้องมีการฟ้องร้องไปยังศาลปกครองแล้ว 3 คดี ซึ่งคดีที่ 1 และ 2 มีคำสั่งให้คุ้มครองแล้ว

ทั้งนี้หากสรุปปัญหาที่ครอบครัวนี้เจอมานานกว่า 10 ปี ก็จะมีดังนี้

1.โดนรถจอดขวางหน้าบ้านบ่อยมาก

2.มีคนปีนรั้วเข้าบ้าน

3.มีคนปล่อยงูเข้าบ้าน

4.หนูจากตลาดเข้าบ้านเยอะมาก

5.มีคนแอบใช้ไฟฟ้าที่บ้าน บิลค่าไฟเรียกเก็บเป็นหมื่น

6. โดนเทน้ำสกปรก น้ำเน่าจากตลาดมาหน้าบ้าน

184

7.มีคนมาปัสสาวะใส่กำแพงบ้าน

8.กลิ่นรบกวนเข้าบ้าน เป็นมลพิษทางอากาศ

9.เอาบ้านเลขที่ไปทำธุรกรรมทางการเงิน

10.บ้านเคยถูกขู่เผา

11.เคยโดนกล่าวหาค้ายาเสพติด

12. จอดรถเป็นแนวยาวตามกำแพง

123

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ทั้งหมด ทำไมถึงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง แล้วการตั้งตลาดในหมู่บ้านแห่งนี้ถูกต้องหรือไม่?

ซึ่ง นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ ได้เปิดเผยผ่านรายการวิทยุครอบครัวข่าว ส.ทร.FM106 ถึงปัญหาทั้งหมดว่า “สำนักงานเขตประเวศได้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีตลาดถึง 4 ตลาด โดยตลาดที่เปิดทำการค้าจะเปิดแค่ช่วงวันเสาร์-วันอาทิตย์ และจะเปิดช่วงเวลา 05.00-11.00 น. เท่านั้น

ในส่วนของความเรียบร้อยบริเวณบ้านที่เกิดเหตุได้มีคำสั่งศาลคุ้มครองตั้งแต่ปี 2558 ในเรื่องของการตั้งของเกะกะบนทางเท้า ตั้งของขวางทางเข้าบ้าน ทางเขตก็ได้จัดระเบียบให้ผู้ค้าเข้าไปอยู่ในบริเวณ 4 ตลาดเรียบร้อย ซึ่งตลอด 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ก็ไม่มีเรื่องร้องเรียนใดๆ จนกระทั่งเกิดเรื่องการทุบรถกระบะขึ้น

ส่วนการร้องเรียนให้ปิดตลาดนั้นเป็นสิทธิของเจ้าของตลาดที่จะเปิดตลาดในที่ดินส่วนบุคคลของตนเอง เพียงแต่จะต้องมีการทำเรื่องขออนุญาตเปิดตลาดให้ถูกต้อง ซึ่งเจ้าของตลาดก็มาขอใบอนุญาตและจบไปแล้วเรียบร้อย” ผอ.เขตประเวศ กล่าวทิ้งท้าย

นั่นอาจจะเป็นคำตอบได้ดีว่าทำไมตลาดถึงไม่สามารถปิดได้ เนื่องจากว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีใบอนุญาตชัดเจนแล้ว

ทีนี้ลองมาดูปัญหาที่เกิดขึ้นจากฝั่งเพื่อนเจ้าของตลาดกันบ้างว่า 10 ปีที่ผ่านมาเจออะไรบ้าง และอยากให้สังคมมองดูอย่างเป็นธรรม

1qe

ซึ่งป้าเพื่อนเจ้าของตลาดได้เปิดเผยข้อมูลกับทางทีมข่าวว่า “ระหว่างกินข้าวเขาก็เอาโน่นเอานี่ขว้างผ่านกำแพงเข้ามาเรื่อยก็เฉยๆ แต่มีอยู่วันนึงขณะกำลังนั่งโต๊ะกินข้าวเขาก็สาดน้ำลงมาเลย ก็เลยไปเอาเรื่องกับเจ้าของบ้าน มีการเรียกตำรวจ เรียกเจ้าหน้าที่เขตเข้ามาคุย เรียก ส.ส.มาตกลงด้วย

ก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวกันจนมีการฟ้องศาลเมื่อปี 2552 แต่ทางเจ้าของบ้านเป็นฝ่ายชนะ แต่ทุกวันนี้ตลาดทั้งหมดเขาก็มีใบอนุญาตกันหมดแล้ว” ป้าเพื่อนเจ้าของตลาดกล่าวทิ้งท้าย

คดีนี้ถือว่าเป็นคดีตัวอย่างที่สังคมต้องตระหนักถึงบรรทัดฐานของสังคมในการอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะการประกอบธุรกิจ เช่น การสร้างตลาดสด อาจจะต้องมีกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมอย่างเคร่งครัด เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะสร้างปัญหาระยะยาวที่ต้องทนกันมาถึง 10 ปี

>>>เจ้าของบ้าน ลั่นทุบรถเพราะอดทนถึงที่สุดแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการดูแล

>>>เจ้าของรถกระบะถูกทุบ รับผิดคิดว่าบ้านนี้ไม่มีคนอาศัย แต่ไม่น่ามาทุบรถ

>>>ทนายเกิดผล แก้วเกิด ชี้ข้อกฎหมายจอดรถขวางหน้าบ้าน และ ทุบรถผู้อื่น

>>>ทำไมต้องทุบ! มุมมองที่แตกต่าง จอดรถขวางหน้าบ้าน

>>>ดูกันจะจะ ป้ายหน้าบ้านป้าทุบรถกระบะสาว

>>>ผอ.เขตประเวศ เปิดใจ ไม่ได้เพิกเฉย ปมป้าทุบรถจอดขวางหน้าบ้าน

อัลบั้มภาพ 10 ปีที่ต้องทน! ป้าทุบรถ VS ป้าเพื่อนเจ้าของตลาด ภาพที่ 4 / 6

10 ปีที่ต้องทน! ป้าทุบรถ VS ป้าเพื่อนเจ้าของตลาด

อัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง

เจ้าของบ้านขำไม่ออก ตลาดรีเทิร์น ผุดห่างบ้านป้าทุบรถ 50 ม.

คึกคักเหมือนเดิม ตลาดรอบบ้านป้าทุบรถยังเปิดขาย จัดระเบียบจริงจังพรุ่งนี้

ผอ.เขตประเวศ ถก 5 ตลาดขีดเส้น 28 ก.พ.ไม่แก้ปิดหมด

“เจ้าของรถ” สำนึกผิดยอมขอโทษ “ป้าทุบรถ” ยันไปแค่ 10 นาที วอนสังคมอย่าด่าครอบครัว