อี๊ด โปงลางฯ แจงดราม่า ลืมเชิญ "ลาล่า ลูลู่" มาร่วมงานแต่ง
ยืนยันว่าไม่ได้ผิดใจกันแน่นอน เมื่อศิลปินไทบ้านอย่าง “อี๊ด โปงลางสะออน” ได้ออกมาเปิดใจกลางงานรอบสื่อภาพยนตร์ ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.1 ถึงกระแสข่าวที่หลายคนสงสัยว่าทำไมอดีตสมาชิกในวง “ลาล่า ลูลู่” ถึงไม่ได้เดินทางไปร่วมในงานพิธีสมรสของเจ้าตัวและภรรยา
โดยงานนี้ อี๊ด โปงลางสะออน ได้กล่าวคำขอโทษไปยังทั้งคู่ พร้อมอธิบายเหตุผลว่า เป็นเพราะตนเพิ่งจะเปลี่ยนโทรศัพท์จึงทำให้ข้อมูลการติดต่อหาย แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่เชิญ เนื่องจากตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังดีอยู่
เพิ่งแต่งงานไป เป็นยังไงบ้าง ?
"ก็ดีครับ ชื่นมื่นดีเจ้าสาว คือพอเราแต่งงานไปแล้วมันก็มีอีกความรู้สึกเกิดขึ้น คือเราอยากมีลูก เพราะเราสร้างอนาคต หาเงินมา เราก็ยังนึกไม่ออกว่าจุดหมายเราคืออะไร แต่พอแต่งงานเราก็อยากดูแลเขา อยากมีลูกเพื่อสร้างอนาคต มีจุดมุ่งหมายมากขึ้น"
แสดงว่าท้องแล้วหรือเปล่า ?
"ยังไม่ท้อง แต่ตั้งใจจะมีเลย ไม่จำเป็นว่าต้องหญิงหรือชายก่อน คืออยากมี ใครก็ได้ที่มาเกิดกับเรา ขอให้เป็นลูกเรา ถ้าได้ยินแล้วก็มาเกิดหน่อยครับ(หัวเราะ) เพราะอายุเราเยอะมาก"
มีปรึกษาแพทย์หรือยัง ?
"ขอใช้วิธีของผม ด้วยตัวเองก่อน พักผ่อนให้มากขึ้น ถามพี่ๆ ว่าทำตัวยังไง กินแบบไหน ขอลองเองก่อนแต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็จะหาหมอ แล้วเดี๋ยวผมจะไปตรวจสุขภาพก่อนว่าเราพร้อมขนาดไหน แล้วก็พาเขาไปคุยกับหมอเรื่องวางแผนมีบุตร จะไปเร็วๆ นี้ครับ"
แต่ในงานแต่งเรา มีคนไปดราม่าว่าไม่มีลาล่า-ลูลู่ มาร่วมงาน ?
"อันนั้นลืมจริงๆ ไม่ใช่ว่าลืมเขานะ คือเราจะส่งการ์ดเป็น E-card ทางข้อความ แล้วทีนี้มีการเปลี่ยนโทรศัพท์ น้องสองคนแชทเลยไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่แค่น้องสองคนที่ตกหล่น พี่น้องดารา ผู้ใหญ่ตกหล่นหลายคน ด้วยความเราเป็นคนขี้เกรงใจด้วย แต่ว่าไม่น่ามีอะไร คือผมก็ต้องขอโทษด้วยไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่เชิญ"
แล้วเราได้พูดคุยกับน้องหรือยัง ?
"ยังไม่ได้โทรหาน้องเลย แต่ผมก็ทราบเรื่องราวจากที่มีคนมาบอก เราก็บอกไม่เป็นไร คือผมก็เห็นที่น้องเขาเขียนแสดงความยินดีในไอจีนะ แต่ยังไม่ได้เจอกันเลย"
จริงๆ ความสัมพันธ์เราทั้งสามคนยังคุยกันได้ไหม ?
"คุยกันนะ น้องเขาก็มีมาแจมที่โรงเบียร์ที่ผมเล่นบ้าง มาสนุกกัน เพียงแต่เราไม่ได้คุยกันบ่อยเหมือนแต่ก่อน แต่ไม่ได้ตัดขาดกัน เรายังรัก ห่วงกันตลอด เพียงแค่หน้าที่การงานมันทำให้เราคุยกันน้อยลง แต่ไม่ลืม เพราะเราก็มีวันนี้ได้เพราะน้องๆ ทุกคน ไม่ใช่ว่าเรามาคนเดียว"
ยืนยันว่าที่ไม่ได้ส่งการ์ดงานแต่งคือไม่ได้ตั้งใจ ?
"ผิดพลาดๆ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่เชิญ น้องในวงหลายคนก็ลืม เพราะผมกับแฟนสองคนก็หัวหมุนจัดงาน ไม่เคยแต่งมาก่อน"
ถามถึงเรื่องคุณแม่ เห็นว่าเพิ่งจะเซอร์ไพรส์ให้เงินคุณแม่ 1 แสนบาท เป็นของขวัญ ?
"ปกติผมก็โอนเงินให้แม่เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการปลอบใจแม่ เพราะอย่างที่บอกว่าเราเพิ่งทราบข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยโรคไต ระยะที่ 4 ของท่าน นั่นหมายความว่าอีกนิดเดียวท่านก็จะได้ฟอกไต ซึ่งผมยอมรับนะว่าตอนแรกที่ทราบว่าท่านป่วย ตัวผมเองก็ยกเลิกคิวงานทุกอย่างเพื่อไปหาท่านทันที จากนั้นก็พาแม่ไปหาหมอที่คลินิก เพราะตอนนั้นผมเองก็สงสัยว่าทำไมแม่ถึงไม่ได้รับยามาทาน แถมสภาพร่างกายท่านก็ยังดูปกติ ผมก็เลยพาท่านไปตรวจอาการใหม่อีกครั้ง วันนั้นหมอที่คลินิกก็เลยส่งตัวท่านไปโรงพยาบาลในเมืองเพื่อตรวจให้ชัดเจน ซึ่งผลสรุปว่าค่าตับและไตของแม่สมบูรณ์มาก ตอนนั้นผมช็อคเลยเพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา แม่ผมทั้งร้องไห้ทั้งนอนไม่หลับ อาการท่านทรุดขึ้นมาเองเลยเพราะใจเสียไปแล้ว แต่พอสรุปว่าเกมพลิก ผลออกมาว่าไม่ได้เป็นอะไร คุณแม่ท่านก็ยิ่งช็อคและร้องไห้ออกมาเลย"
"ซึ่งวันนั้นหลังจากที่ตรวจเสร็จมันก็เป็นวันหวยออกพอดี ผมก็เลยซื้อล็อตเตอร์รี่เลขวันเกิดและอายุตัวเองคือ 15 กับ 39 ปรากฏว่าถูก ผมก็เลยนำเงินที่ถูกบวกกับเงินที่เพิ่มเข้าไปอีกส่วนหนึ่งเซอร์ไพรส์ให้ท่าน ด้วยการนำเงินใส่ลงไปในกระติ๊บข้าวเป็นการปลอบใจ (ยิ้ม)"
ได้ถามคุณหมอไหมว่าผลตรวจครั้งแรกเกิดความผิดพลาดเพราะอะไร ?
"คุณหมอที่ตรวจครั้งที่สองเขาสันนิษฐานว่า ผลของการตรวจเลือดครั้งแรกช่องมันเยอะมากมีค่านั้นค่านี้ หมอก็เลยอาจจะไปดูอีกช่องหนึ่งแล้วอ่านค่าผิด แต่ผลการตรวจไม่ผิดหรอกเพราะทุกอย่างตรวจด้วยคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว ถามว่าผมรู้สึกยังไงที่มีการวินิจฉัยอาการป่วยของแม่ผิด เอ่อ...คือผมไม่มีความคิดอื่นเลยครับนอกจากดีใจ ดีใจจนไม่คิดว่าจะต้องไปเอาเรื่องกับใคร และผมก็ยังบอกกับแม่อีกว่า ที่หมอนัดตรวจอีกรอบหนึ่งก็ให้ไปโรงพยาบาลเดิมนั่นแหละ เพราะจริงๆ มันก็เป็นการดีเหมือนกันที่มีคนมาเตือนเราไม่ให้กินเค็มกินเผ็ด แต่ถ้าหากเป็นตาสีตาสาบางคนที่เขาไปตรวจและเจอแบบนี้ เขาอาจจะตรอมใจจนไม่สบาย ดังนั้นผมอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์หากใครรู้สึกไม่แน่ใจยังไงก็ให้ไปตรวจซ้ำอีกสักหน่อย"
ทางคุณหมอเจ้าของไข้คนแรกได้ติดต่อมาเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า ?
"ยังครับ ท่านอาจจะยังไม่ทราบเรื่องก็ได้ ผมเองก็ยังไม่มีโอกาสคุยกับท่านเลยเพราะผมเองก็มีเวลาอยู่ที่นั้นแค่ 2 วัน ซึ่งคุณแม่ก็คงจะกลับไปตรวจตามปกติ ไม่ถึงกับต้องเอาเรื่องหรอก"
จะพาคุณแม่มาตรวจในกรุงเทพเพื่อความชัวร์อีกรอบไหม ?
"ตอนแรกผมวางแผนไว้แล้วครับว่าจากนี้จะให้คุณแม่มาอยู่กับผมที่กรุงเทพ เพราะที่บ้านนอกมีพ่อกับแม่อยู่แค่ 2 คน แต่ผมกับน้องมาอยู่กรุงเทพกันหมด ซึ่งพอเกิดเรื่องแบบนี้ผมก็เลยอยากให้แม่มาอยู่ด้วย แต่เพราะคุณพ่อท่านทำงานเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นู่น ท่านก็เลยยังเป็นห่วงงานของท่านเหมือนกัน แต่ตอนนี้พอผลตรวจมันพลิกผมก็เลยสบายใจขึ้นแล้ว"
สภาพจิตใจคุณแม่ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
"ตอนแรกที่ท่านรู้ว่าเป็นโรคไตก็คือกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะกินก็กินได้แค่ไข่ขาว ขนาดข้าวเหนียวยังไม่กล้ากิน และก็ไม่กล้าบอกผมด้วยว่าป่วย ผมรู้จากคนข้างบ้านหมดเลยที่เขามาบอกให้ฟังว่าแม่กำลังป่วยนะ แต่พอหลังจากที่ท่านรู้ว่าผลตรวจผิด วันแรกผมก็พาแม่ไปกินอาหารทะเลเลย (หัวเราะ) ซื้อเนื้อย่างมากินกันทั้งหมู่บ้าน ดีใจกันมาก"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ