ตม.ช่องจอมสะดุ้ง ปัดเอี่ยวรับเงินพัน ถอดแบล็คลิสต์ให้พ่อเล้าฝรั่ง

ตม.สุรินทร์ แจงหลังโดนซัดทอด ด่านช่องจอมรับสินบนเงินพัน แลกกับการถอดแบล็คลิสต์เข้าไทย ก่อนกลายเป็นพ่อเล้าค้ากามเด็กหนุ่ม

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ รายงานว่า หลังจากที่การนำเสนอข่าวการจับกุม นายเรนนาร์ด อายุ 69 ปี ชาวเนเธอร์แลนด์ คาโรงแรมชื่อดังย่านหาดจอมเทียน ในช่วงเช้ามืดวันนี้ (4 มี.ค.) หลังสืบทราบว่าเป็นนายหน้าลักลอบค้ากามเด็กชายชาวไทยให้ชาวต่างชาติ อีกพบประวัติติดแบล็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศไทย 1 ปี แต่แอบลักลอบเข้าประเทศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยมีตำรวจ ตม.คนหนึ่งเรียกรับเงิน 3,000 บาท ให้ผ่านด่านมาก่อเหตุ ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามความคืบ เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.อ.ชาญชัย เชาวน์เกษม ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ และทราบว่าไม่อยู่ เพราะเดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ ประจำด่านตรวจช่องจอม ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณประตูด่าน ซึ่งพบว่ามีการตรวจตราการเข้าออกของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่เข้าออกบริเวณด่านอย่างเข้มงวดตลอดทั้งวัน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างปกติ

พ.ต.อ.ชาญชัย เชาวน์เกษม ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ว่า โดยปกติการเข้าออกของคนผ่านแดนที่จุดตรวจถาวรช่องจอม เราก็มีการตรวจเช็คอย่างเข้มงวด โดยระบบการตรวจเช็คพาสปอร์ตที่ทันสมัย มีการอัพเดทข้อมูลของบุคคลที่มีหมายจับหรือเป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดเวลา โดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับทางศูนย์เทคโนโลยี ของ สนง.ตรวจคนเข้าเมืองที่กรุงเทพฯ โดยตรง

ฉะนั้นจะมีการตรวจเช็คบุคคลเข้าออก คนไหนที่ถูกต้องห้ามไม่ให้เข้า คนไหนที่มีหมายจับ เราก็จะดำเนินตามกรรมวิธีและดำเนินคดีตามกฏหมายตลอด มีทั้งการบันทึก การตรวจสอบ ทั้งภาพและเอกสารการเข้าออก

ซึ่งในปี 2560 มีบุคคลที่มีหมายจับ เราได้ทำการจับกุมดำเนินคดีไป 56 ราย ส่วนในปี 2561 ที่ผ่านมาจนถึงปัจุบัน มีอยู่ 27 ราย ทั้งนี้ข้อมูลหมายจับจะมาจากหลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ จะแจ้งมาที่เรา เพราะฉะนั้นการเข้าออกในจุดนี้ รับประกันได้เลยว่าเรากระทำอย่างเข้มงวด และเราก็มีระบบตรวจสอบที่ทันสมัย ข้อมูลที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

สำหรับกรณีของนายเรนนาร์ด ที่ถูกจับกุมในคดีความผิดทางเพศ กับเด็กต่ำกว่า 18 ปี เราได้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว เขาไม่เคยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ แต่มีความพยายามจะเข้ามาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 แต่ว่ามีระบบการตรวจสอบข้อมูล ได้ตรวจพบว่านายเรนนาร์ดคนนี้ถูกห้ามไม่ให้เข้าประเทศ เราจึงปฏิเสธการเข้าเมืองของผู้ต้องหารายนี้ไป ซึ่งเขาพยายามเข้ามาผ่านทางประเทศกัมพูชาที่ติดชายแดน มีการบันทึกข้อมูลตามระบบถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง เพราะฉะนั้นยืนยันว่าเขาไม่ได้ผ่านเข้ามาทางด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์

ส่วนข้อคำถามที่ว่า ในพื้นที่ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ มีโอกาสที่ผู้ต้องหาจะถือโอกาสลักลอบมาทางช่องทางธรรมชาติอื่นๆ ได้หรือไม่ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ก็อาจมีความเป็นไปได้ เพราะทางเราก็ทราบดีว่าพื้นที่ชายแดนของ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นชายแดนไทยกับกัมพูชา ไม่ได้มีรั้วปิดกั้น เพราะฉะนั้นก็จะมีแนวพรมแดนธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวยาวประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร ก็อาจจะมีการลักลอบเข้ามาก็เป็นได้

ซึ่งเรื่องนี้ ทาง สนง.ตรวจคนเข้าเมือง ก็ได้มีการประสานความร่วมมือกับ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลในเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะหลบหนีเข้ามางทางช่องทางธรรมชาติก็มีอยู่ แต่ก็มีโอกาสน้อยมาก และเชื่อว่าหน่วยงานต่างๆจะมีการร่วมมือและช่วยแจ้งเบาะแสความผิดปกติของบุคคลที่ลักลอบผ่านเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติให้กับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของเราได้ทราบ

ขณะที่เรื่องความโปร่งใสของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เราจะถูกตรวจสอบโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับ รวมทั้งหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในการปราบปราบหรือการป้องกันการทุจริต ในเรื่องนี้เราไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การกล่าวอ้างว่า ได้จ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและก็สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ ทางตนและผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เราได้ประสานกับทาง ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้จับกุมผู้ต้องหารายนี้

ทั้งนี้ ทางเราจะทำการพิสูจน์ทราบว่ามีการจ่ายเงินให้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจริงหรือไม่ หรือว่าจ่ายเงินให้กับใครที่ไหนอย่างไร ซึ่งเราจะทำให้เกิดความกระจ่างให้กับสังคมโดยเร็วที่สุด และหากพบว่ามีการกระทำผิดโดย จนท.ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกิดขึ้น เราก็จะดำเนินการทั้งวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป