แท็กซี่ตัวแสบ หลอกทิ้งข้างทาง-เชิดทรัพย์สินผู้เสียหายหนี ตร.ตามคืนได้
แท็กซี่สุดแสบหลอกผู้โดยสารขึ้นรถ ก่อนปล่อยทิ้งกลางทาง เชิดทรัพย์สินของผู้เสียหายไปด้วย เคราะห์ดีเจ้าหน้าที่ตามตัวได้ทันควัน พร้อมดำเนินคดีหน้าจ๋อย
เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา นางประมูล อายุ 53 ปี และสามีชาวสวีเดน ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ ระบุว่าถูกโชเฟอร์แท็กซี่เชิดเอากระเป๋าสะพาย ซึ่งภายในมีทรัพย์สินอยู่หลายรายการ ทั้งโทรศัพท์มือถือและเงินสดสกุลต่างๆ พร้อมกับเอกสารสำคัญต่างๆ รวมมูลค่าหลายหมื่นบาท
ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนได้ว่างจ้างจากสนามบินสุวรรณภูมิให้ไปส่งที่พัทยา ซึ่งตนจำทะเบียนรถไม่ได้ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฎิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
นางประมูล ได้เล่าว่า ตนเองทำงานอยู่ที่บริษัทโฆษณาการท่องเที่ยวประเทศไทยในประเทศสวีเดน ในวันนี้ตนและสามีได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ตั้งใจว่าจะไปเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวที่พัทยา ได้ว่าจ้างรถแท็กซี่คันดังกล่าวจากบริเวณประตู 3 ชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง แต่จำทะเบียนไม่ได้ให้ไปส่งที่พัทยา ตกลงเหมาจ่ายกันที่ราคา 1,300 บาท
แต่โชเฟอร์แท็กซี่ได้ขับรถพาตนออกมาทางลาดกระบัง เมื่อถึงบริเวณหน้าวัดสาม เขตลาดกระบัง โชเฟอร์แท็กซี่ได้บอกกับตนว่า ต้องไปคืนรถแล้ว เดี๋ยวจะได้เพื่อนที่ขับรถแท็กซี่ด้วยกันมารับเพื่อพาไปส่งที่พัทยา ตนเห็นว่าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งเกรงเรื่องความปลอดภัย จึงบอกให้โชเฟอร์จอดรถข้างทางเพื่อที่จะหาแท็กซี่นั่งไปเอง
ในขณะที่ตนและสามีกำลังช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถยังไม่ทันหมด โชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ตนยังไมทันที่จะหยิบกระเป๋าสะพายที่ภายในมีเงินสดและเอกสาสำคัญ รวมทั้งโทรศัพท์มือถืออยู่ภายในออกจากรถเลย จึงรีบเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.ลาดกระบัง แต่เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ตนมาขอความช่วยเหลือจากทางสนามบิน เนื่องจากตนจำเลขทะเบียนของแท็กซี่คันดังกล่าวไม่ได้
หลังจากตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดได้ไม่นานก็ได้พบว่า ผู้เสียหายทั้งสองได้ว่าจ้างรถแท็กซี่ยี่ห้อ โตโยต้า โนว่า สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1มข 4064 กทม. รับผู้เสียหายทั้งสองออกจากสนามบินไปจึงตรวจสอบกับบริษัทแท็กซี่คันดังกล่าว
จนกระทั่งทราบว่าแท็กซี่คันดังกล่าวมี นายทิวากร เป็นคนขับ จึงได้ติดตามไปคุมตัวเอาไว้ได้พร้อมทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งหมด ก่อนคุมตัวมาพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อติดต่อผู้เสียหายเจ้าของกระเป๋าสะพายใบดังกล่าวมาตรวจสอบทรัพย์สิน เพียง 3 ชั่วโมงให้หลังจากที่เกิดเหตุ
ต่อมา นางประมูล และสามีได้เดินทางมาที่โรงพัก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้งเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินและข้อรับทรัพย์สินคืน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินภายในพร้อมเอกสารเงินสดและโทรศัพท์ยังอยู่ครบ ไม่มีสิ่งใดสูญหาย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดคืนให้กับผู้เสียหาย
พร้อมกับนำตัว นายทิวากร โชเฟอร์แท็กซี่ตัวแสบได้ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ก่อนถูกควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรอการส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป