ชายจีนฟ้องหย่า ให้เงินเดือนเมียมา 10 ปี แต่เหลือแค่หยิบมือ

สำนักข่าวประเทศจีนรายงานว่า คู่สามีภรรยาชาวเมืองเสิ่นหยาง ต้องมาถึงจุดจบของความสัมพันธ์ชีวิตคู่ หลังจากที่แต่งงานอยู่กินมายาวนานกว่า 10 ปี เมื่อฝ่ายสามีโกรธจัดที่เพิ่งทราบว่า เงินเดือนทุกเดือนที่มอบให้ภรรยานั้น ถูกนำไปใช้ฟุ่มเฟื่อย เพราะเขาคิดว่าภรรยาจะเก็บเงินสะสมเอาไว้ให้ทุกๆ เดือน

กรณีดังกล่าวกลายเป็นคดีฟ้องร้องที่ได้รับความสนใจของชาวเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง หลังจากที่ นายฉาง อายุ 43 ปี ตัดสินใจฟ้องร้องหย่าร้างกับภรรยาที่แต่งงานอยู่กินกันมาราวๆ 10 ปี เพราะเธอได้นำเงินของเขาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน

นายฉาง ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ในทุกๆ เดือนเขาจะได้รับเงินเดือนจากการทำงาน 6,000 หยวน (ประมาณ 30,000 บาท) ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตสมรส เขาตัดสินใจมอบเงินเดือนทุกๆ ให้กับภรรยาได้เก็บออมเอาไว้เพราะความไว้ใจ โดยไม่ได้ฝากเข้าบัญชีธนาคารแต่อย่างใด

ขณะที่ภรรยาของนายฉางก็ทำหน้าที่ดูแลการเงินของครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ เมื่อได้เงินเดือนจากสามีมา เธอก็จะแบ่งให้เขาใช้แค่เดือนละ 500 หยวน (ประมาณ 2,500 บาท) กระทั่งเมื่อปี 2016 สถานการณ์ทางการเงินของนายฉางค่อนข้างย่ำแย่ เพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เงินเดือนที่ใช้เพียง 500 หยวน แทบจะไม่เพียงพออีกต่อไปในการใช้ชีวิตประจำวัน

นายฉาง จึงได้ออกปากถามภรรยาว่า ตอนนี้เก็บเงินเอาไว้ได้เท่าไหร่แล้ว เธอตอบว่ามีอยู่ 4,500 หยวน ทำให้เขารู้สึกตกใจ เพราะตลอด 10 ปี เขามอบเงินเดือนทุกๆ เดือนให้ภรรยา ยอมใช้ชีวิตแบบประหยัดและขัดสนตลอดเวลา เพื่อหวังว่าเงินเดือนที่เก็บเอาไว้จะทำให้มีกินมีใช้ในช่วงบั้นปลาย

ภรรยาของนายฉาง ระบุว่า นอกจากค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ยังมีค่าส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ โดยเฉพาะค่าเทอมแต่ละภาคเรียน จึงจำเป็นต้องใช้เงินก้อนที่เก็บเอาไว้สำหรับครอบครัวอย่างไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว เพราะรากฐานในการสร้างครอบครัวของพ่อแม่ทุกคน

แต่ นายฉาง ที่รู้สึกไม่พอใจที่เงินเก็บของเขาและภรรยาเหลือเพียงน้อยทิ้ง เพราะนอกจาก 5,500 หยวนจากเงินเดือนเขาทุกๆ เดือน ยังมีเงินเดือนของภรรยาอีก 3,000 หยวน ที่เชื่อว่าน่าจะมีเงินเก็บสะสมได้ถึง 100,000 หยวนต่อปี

ขณะที่ศาลพบหลักฐานข้อมูลที่พบว่า ภรรยาของนายฉาง ได้นำเงินจำนวน 150,000 หยวน (ประมาณ 750,000) ไปใช้การอุปโภคบริโภคแบบไม่สมเหตุสมผล โดยพบเงินก้อนดังกล่าวเคลื่อนไหวอยู่ในบัญชีของภรรยา ซึ่งเธอชี้แจงต่อศาลว่าเป็นเงินที่นำไปใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียนของลูกๆ แต่ก็ยังมีหลักฐานว่าเธอนำเงินไปใช้เสริมความงามและปรนเปรอส่วนตัว โดยที่สามีไม่ได้รับรู้มาก่อน นั่นจึงเป็นปมเหตุทำให้เกิดการฟ้องร้องหย่าร้างกันขึ้น