พ่อยังไม่เผาศพลูกสาววัย 16 ถูกแฟนวัย 14 ยิงดับ สงสัยมีเงื่อนงำหลายอย่าง
จากกรณี ด.ช.บอย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ใช้อาวุธปืนยิงถูกศีรษะของ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งคบหากันเป็นแฟน เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักของฝ่ายชาย ที่หมู่ 9 ตำบลห้วยเฮี๊ยะ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก จากนั้น ด.ช.บอย บอกกับญาติว่าทำปืนลั่นใส่แฟนสาว 1 นัด เสียชีวิต ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุทันที ขณะที่บิดาของผู้ก่อเหตุ รับปากตำรวจจะนำลูกชายเข้ามอบตัว ภายใน 3 วันนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (11 มี.ค.) ร.ต.อ.ประทีป อินแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านแยง เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ได้เรียกสอบปากคำพ่อของ ด.ช.บอย และฝั่งครอบครัวของ น.ส.เอ ที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ
ส่วนสาเหตุอาจเป็นไปได้ว่าเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันก่อน หรือไม่เช่นนั้น ด.ช.บอย อาจไปหยิบอาวุธปืนของพ่อที่ซ่อนไว้ออกมาเล่น แล้วเกิดพลาดทำปืนลั่นใส่แฟนสาวดังกล่าว
ทั้งนี้ จะต้องรอสอบปากคำ ด.ช.บอย ร่วมกับทีมสหวิชาชีพตามขั้นตอน เพื่อช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายเนื่องจากยังเป็นเยาวชน ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น ตรวจสอบแล้วมีใบอนุญาตครอบครองถูกกฎหมาย
ต่อมา 12.00 น.ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช นายอรรถพรรณ อาชีพรับเหมาก่อสร้างบิดาของ น.ส.เอ อายุ 16 ปี ผู้เสียชีวิต พร้อมกับญาติ เดินทางมารับศพท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ
โดยนางพรวน ผู้เป็นแม่ยังทำใจไม่ได้เพราะมีลูกสาวเพียงคนเดียว และเป็นความหวังของครอบครัว จึงรอลูกสาวอยู่ที่วัดบ้านแยง อำเภอนครไทย คอยจัดเตรียมสถานที่รดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมศพ เป็นคืนแรก
ด้าน นายอรรถพรรณ ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่าเพิ่งทราบเพียง 1 เดือน ว่าลูกสาวและแฟนหนุ่มที่ก่อเหตุ คบหาเป็นแฟนกัน เนื่องจากเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน โดยลูกสาวกำลังเรียนจบชั้น ม.3 ส่วนแฟนหนุ่มเรียนอยู่ชั้น ม.2 ลูกสาวมักจะไปรับจ้างเก็บปาล์มที่บ้านของแฟนหนุ่มเป็นประจำ
โดยก่อนวันเกิดเหตุเป็นวันปัจฉิมนิเทศ ลูกสาวได้ขออนุญาตไปกินเลี้ยงกับกลุ่มเพื่อน และนอนค้างคืนที่บ้านแฟน อาจมีปากเสียงทะเลาะกันตามประสาวัยรุ่น แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับลูกสาวถึงขั้นถูกยิงเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เนื่องจากลูกสาวถูกยิงในบ้านแต่ศพกลับถูกลากออกมาไว้ที่หน้าประตูหลังบ้าน
นอกจากนี้ ยังพบบริเวณลำคอมีร่องรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำ 2 แห่ง จึงยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการทำปืนลั่นใส่เองโดยไม่ตั้งใจ หรือ อาจลงมือทำร้ายลูกสาวก่อนยิงเสียชีวิต ทั้งนี้ ต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
ส่วนศพของลูกสาวนั้น จะยังไม่ฌาปนกิจหรือเผา แต่จะรอจนกว่าตำรวจจะจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุซึ่งเด็กอายุเพียง 14 ปี จะกล้าลงมือทำได้ จึงฝากวิงวอนไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวที่ต้องมาสูญเสียลูกสาวในครั้งนี้