หญิงจิตหลอนปาดคอสามี-ควักลูกตาสยอง เผยเคยฆ่าหลานติดคุก 3 ปี
หญิงจิตหลอนปาดคอสามี ควักลูกตาสยอง หลังก่อเหตุนั่งเหม่อลอยบอกมีคนสั่งการในสมอง เผยเคยฆ่าหลานติดคุก 3 ปี
(12 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.อ.เจตจำนง นุกาศ ร้อยเวร สภ.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกฆาตกรรมภายในบ้านหลังหนึ่ง บ้านเมืองงิม ม. 4 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง ผกก.บ้านดู่ และกำลังตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สองชั้น โดยชั้นล่างและหน้าเปิดเป็นร้านจำหน่ายกาแฟสด ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนที่มีห้องนอนใหญ่ 1 ห้องและห้องเล็กที่กั้นกระจกไว้อีก 1 ห้อง
เมื่อเข้าตรวจสอบภายในบ้านพบรอยหยดเลือดหล่นตามบันไดบ้านตั้งแต่ชั้นล่างไปถึงชั้นสองเป็นทางยาว และภายในห้องนอนเล็ก พบศพนายเปรม อายุ 82 ปี นอนเสียชีวิตในสภาพสยดสยอง เนื่องจากที่ลำคอถูกมีคมปาดเป็นแผลฉกรรจ์หวิดขาด และที่ดวงตาด้านซ้ายถูกควักจนทะลักออกมาจากเบ้า 1 ข้าง โดยมีเลือดกระจายเต็มพื้นและที่นอน แต่ไม่พบร่องรอยการต่อสู้กันแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบโดยรอบที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่พบมีดทำครัวจำนวน 2 เล่ม เป็นมีดสับเนื้อ 1 ด้ามและมีดปอกผลไม้อีก 1 ด้าม วางอยู่บริเวณที่ล้างหน้าห้องน้ำชั้นล่าง ที่ยังเปียกน้ำเพราะเพิ่งมีชำระล้างมาใหม่แต่ยังมีคราบเลือดจางๆติดอยู่บางส่วน คาดว่าเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรเชียงรายและแพทย์เวรโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์มาตรวจเก็บบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามพยานหลายคนทำให้พอทราบเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุสยองครั้งนี้น่าจะเป็น นางนภาพร อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายเอง เพราะมีคราบเลือดบางส่วนติดอยู่ตามเสื้อผ้าและลำตัว โดยหลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหนโดยนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาชั้นล่าง ไม่พูดจากับใคร เจ้าหน้าที่จึงให้จิตเวชและตำรวจนอกเครื่องแบบ ทำการพุดคุยจนยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง เนื่องจากมีคนคอยสั่งการในสมองให้กระทำดังกล่าว ซึ่งทางญาติก็ให้การด้วยว่านางนภาพร มีอาการทางประสาทมานานแล้ว ยังอยู่ระหว่างการบำบัดรักษา
และมีรายงานว่าก่อนหน้านี้หลายปีก่อนเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันโดยฆ่าหลานวัย 3 ขวบเสียชีวิตมาแล้ว 1 คนในพื้นที่ อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิม ทำให้ติดคุก 3 ปี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสถานีตำรวจ สภ.บ้านดู่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในการสอบถามทาง นางมัลลิกา อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุทราบว่าผู้ตายเป็นบิดาของ น.ส.ภัทรดา อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนรู้จักกันและมาขอเช่าบ้านอาศัยอยู่ด้วยกันเพื่อจะเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง โดยได้นำผู้ตายมาอาศัยอยู่ด้วยประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่เมื่อ 3-4 วันก่อนผู้ตายได้ทำการรักษาดวงตา อีกทั้งป่วยเป็นโรคอัมพาต ไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ทาง น.ส.ภัทรดา จึงรับนางนภาพรมาอยู่ด้วยเพื่อช่วยกันดูแล จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.สิทธิชัย กล่าวว่าคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนจากการรวบรวมหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อว่าภรรยาซึ่งมีอาการป่วยซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยอยู่ จนใช้มีดปาดคอผู้ตายจนเสียชีวิต แต่ยังไม่ทราบสาเหตุจูงใจของการก่อเหตุที่ชัดเจน เนื่องจากคนก่อเหตุยังอยู่ในอาการตกใจพูดคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง รวมไปถึงประเด็นเคยก่อคดีลักษณะมาแล้วครั้งหนึ่งนั้น จะได้มีการนำตัวไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งก่อน